Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

Dollars sign จองกับเราไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ค้นหาจากแผนที่

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การกำจัดไฝ ใน ภูเก็ต

กำจัดไฝ

การกำจัดไฝ (Mole Removal) คืออะไร ? 

Mole Removal หรือ การกำจัดไฝ เป็นวิธีรักษาผิวหนังซึ่งเป็นกระบวนทางศัลยกรรม โดยก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงภาพของไฝเพื่อเลือกวิธีการรักษาให้ถูกวิธีโดย ไฝ (Mole) หรือ ขี้แมลงวัน (Fleck) สามารถเกิดขึ้นจากอาการผิดปกติของเม็ดสีในชั้นผิวหนัง ซึ่งโดยส่วนมากนั้นจะไม่เกิดอาการผิดปกติใดเพิ่มเติม และไม่เป็นอันตราย แต่ไฝบางประเภทก็อาจจtนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้ 

ประเภทของไฝ  

ประเภทของไฝนั้นแบ่งได้ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. ไฝที่ได้รับติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด หรือครั้งยังเป็นทารก 

2. ไฝที่ได้รับในตอนที่โตแล้ว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสะสมของเม็ดสีที่เกิดจากการตากแดด หรือเกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ 

3. ไฝที่ไม่ปกติ มีลักษณะของไฝที่มีหลายสีและพื้นผิวไม่เรียบ ซึ่งไฝชนิดนี้อาจเกิดจากการเปลี่ยนรูปร่างของไฝปกติได้ 

ลักษณะของไฝที่ควรเฝ้าระวัง

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ไฝบางประเภทนั้นหากไม่นำออก หรือปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีทางการรักษา ก็จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่อันตรายอย่างโรคมะเร็งได้ ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังลักษณะของไฝบางประเภทเป็นพิเศษ และหากพบว่ามีความผิดปกติให้ปรึกษาแพทย์โดยทันที โดยมีลักษณะดังนี้   

  • Asymmetry   ครึ่งหนึ่งของไฝ มีลักษณะแตกต่างจากบริเวณอื่น 

  • ฺBorder มีขอบเขตของไฝที่ไม่ชัดเจน 

  • Color ไฝที่มีสีดำ หรือมีหลายสีภายในเม็ดเดียว 

  • Diameter ไฝที่มีขนาดมากกว่า 6 มิลลิเมตรขึ้นไป

  • Evolving ไฝที่มีขนาด และการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอย่างผิดปกติ 

การเตรียมตัวก่อนการกำจัดไฝ

ในการเตรียมตัวทำ Mole Removal นั้น เราควรที่จะหลีกเลี่ยงการตากแดด หรืองดการสัมผัสกับแสงอาทิตย์โดยไม่จำเป็น ก่อนก่ารเข้ารับเลเซอร์จี้ไฝ ประมาณ 7 ถึง 14 วัน เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง หรือรอยด่างดำได้ นอกจากนี้ในวันที่เข้ารับการกำจัดไฝ ควรงดใช้เครื่องสำอาง เพราะอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองเช่นกัน 

ขั้นตอนการทำ Mole Removal    

การกำจัดไฝด้วยเลซอร์นั้น จะใช้เวลาประมาณ  15 ถึง 30 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของไฝ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • เริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด และเผยให้เห็นจุดไฝที่ต้องการกำจัดของชันเจน 

  • จากนั้นก็เริ่มทายาชาบริเวณที่ต้องการจะเลเซอร์ 

  • รอให้ยาชาออกฤทธิ์ซึ่งอาจใช้เวลาในช่วงเวลา 30 ถึง 45 นาที

  • ในกรณีที่มีการเลเซอร์ที่ใบหน้า แพทย์ จะทำการปิดตา เพื่อปกป้องดวงตา จากแสงเลซอร์ 

  • หลังยิงเลเซอร์เสร็จแล้วสามารถกลับบ้านได้ทันที

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

Mole Removal เป็นการรักษาพยาบาลด้านศัลยกรรม รวมไปถึงเพื่อตรวจหาความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังได้

การกำจัดไฝมีกี่แบบ ?

ในปัจจุบันการกำจัดไฝนั้น มีมากมายหลากหลายวิธี รวมไปถึงการทาครีม และกำจัดไฝด้วยตัวเอง แต่วิธีเหล่านั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง และเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นหากวิธีที่ได้รับการยอมรับจึงปลอดภัยและสะดวกกว่าดังเช่นวิธีการที่จะกล่าวถึงต่อไป 

  • การจำกัดไฝด้วยวิธีการทางการแพทย์ 

วิธีนี้ยังสามารถแบ่งได้อีก 2 ประเภทย่อย ๆ คือ การเฉือน (Shave Excision) การจำกัดไฝชนิดนี้จะใช้เครื่องมือที่คล้ายกับมีดโกนเฉือนผิวหนังที่มีไฝรวมถึงผิวหนังโดยรอบฐานออก ตามด้วยการจี้ไฝด้วยคลื่นไฟฟ้า (Electrosurgical) และการผ่าตัด (Surgical Excision)  ซึ่งเป็นวิธีการดั่งเดิมคือการเฉือนผ่าลึกลงไปในชั้นไขมันใต้ผิวจากนั้นจะเย็บแผลผ่าตัด 

  • การจี้ไฝ 

เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันทั่วไปและเน้นเรื่องของความสวยงามเป็นหลักซึ่งประกอบไปด้วยหลากหลายวิธีการ และสามารถใช้บริการได้ตามคลินิกเสริมความงามได้อีกด้วย โดยจะมีวิธีการที่รู้จักและรักษากันโดยทั่วไปได้ดังนี้

จี้ไฝด้วยเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser) เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร ซึ่งการจี้ไฝด้วยวิธีถือว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมา มีความปลอดภัยสูง มีโอกาสเกิดแผลเป็นได้น้อย และสามารถรักษาได้อย่างถาวร 

จี้ไฝด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าความถี่สูง จี้เข้าไปเพื่อทำลายเซลล์ไฝ เป็นวิธีรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไฝไม่ใหญ่มาก แต่วิธีนี้มีข้อเสียหลักๆคืออาจจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้สูงการจี้ด้วยเลเซอร์    

จี้ไฝด้วยความเย็น (Liquid Nitrogen) เป็นการใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัดที่มีอุณหภูมิถึง - 196 องศา จี้ลงไปที่ไฝทำให้อุณหภูมิของผิวหนังบริเวณนั้นลดลงอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะไฝฝ่อและแห้งเป็นสะเก็ดหลุดออกไปในที่สุดในปัจจุบันก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจกใช้เวลานานและอาจทำให้เกิดรอยดำได้

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากจี้ไฝเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วสิ่งควรปฏิบัติคือ การดูแลจุดที่ทำการเข้ารับการจี้ไฝ ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ให้บริการ ได้แก่

  • ไม่ควรให้แผลโดนน้ำเป็นเวลาประมาร 24 ชั่วโมง หลังจากการจี้ไฝ

  • ใช้ขี้ผึ้งทาในบรเวณที่ได้รับการจี้ เพื่อฆ่าเชื้อจนครบ 7 วัน หรือจนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออก

  • ทำแผลวันละ 2 ครั้ง และทายาที่แพทย์ให้อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องการอักเสบของแผล

  •  ห้ามแกะเกาในบริเวณที่แผลตกสะเก็ด และควรปล่อยให้หลุดออกไปเอง

  • หลีกเลี่ยงการตากแสงแดดโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ผิวคล้ำมากขึ้น

  • งดเว้นหรือหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่ได้รับการจี้ไฝจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

หลังจากเขารับการทำ Mole Removal แล้วนั้น ควรดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 7 วันเพื่อผลในการรักษาที่สมบูรณ์และลดโอกาสในการเกิดรอยดำ หรือแผลตกค้าง หลังจากการเข้ารับการรักษาแล้ว

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

ตามปกติแล้วอัตราความสำเร็จของการทำ Mole Removal นั้นเป็นอัตราสำเร็จที่แน่นอน แต่ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับขนาดของไฝ เพราะหากมีขนาดใหญ่ มากก็มีความจำเป็นจะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งเพื่อทำการถอนรากออกทั้งหมด ป้องกันการเกิดไฝที่เดิมอีกครั้งหนึ่่ง ซึ่งหากหลังจากการกำจัดไฝ แล้วยังพบว่ากลับมาเป็นซ้ำและมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ให้รีบเข้าพบแพทย์โดยทันนี้ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งได้ และหากเกิดการอักเสบ มีแผลพุพองขึ้น หรือเกิดอาการผิดปกติอื่น ๆ ก็แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยทันทีเช่นกัน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกอันดามันเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่และเป็นเกาะเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีสถานะเป็นจังหวัด โดยมีจำนวนอำเภอเพียงแค่ 3 อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้ และด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเกาะ จึงทำให้มีทะเลล้อมรอบ ภูเก็ตจึงมีชายหาดที่สวยงามเป็นจำนวนมากเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ เช่นหาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน และหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม และมีที่พักอยู่จำนวนมาก
ปัจจุบันภูเก็ตได้ริเริ่มโครงการยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก เนื่องจากภูเก็ตเองมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งถือเป็นระดับศูนย์โรงพยาบาลของภาคใต้ฝั่งอันดามัน โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต โรงพยาบาล สิริโรจน์ ที่มีชื่อเสียงและได้รับ การรับรอง มาตรฐาน JCI เป็นต้น

สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดภูเก็ต

หาดป่าตอง เป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักในเรื่องของแสงสีและแหล่งบันเทิงที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาพักผ่อนตลอดทั้งปี เนื่องจากมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บริษัททัวร์ แหล่งบันเทิง และอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกครบครันตั้งอยู่เรียงราย นอกเหนือ จากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจ เช่น บานาน่าโบ้ท เจ็ตสกี พาราชู้ต เป็นต้น
แหลมพรหมเทพ ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะเป็นแหลมโค้งทอดตัวลงสู่ทะเล สามารถเดินลงไปที่ปลายแหลมได้ เมื่อลงไปที่ด้านล่างจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เวลามีคลื่นซัดเข้ามากระทบก้อนหินจะเป็นฟองสีขาวดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิองศาจารย์ญาณมุณี พระครูผู้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองภูเก็ต จากเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์และคุณความดีของหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ในการเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านในการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ หากใครมาเที่ยวที่ภูเก็ตก็จะคงต้องแวะไปกราบไหว้หลวงพ่อแช่มเพื่อความเป็นสิริมงคล และเยี่ยมชมวัดที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดในเมืองภูเก็ต

การเดินทางในจังหวัดภูเก็ต

ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางภายในจังหวัดสะดวกมาก มีสนามบินนานาชาติที่มีไฟล์ทบินมาลงแทบจะทุกชั่วโมง มีบริการรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองภูเก็ต รถประจำทางแอร์พอตบัส รถเช่า เป็นต้น ส่วนการเดินทางภายในจังหวัด ก็มีรถตุ๊กๆ บริการภายในเขตเทศบาล หรือจะเช่าเหมารถตุ๊กๆ ไปยังสถานที่ต่าง ๆก็ได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง มีบริการรถสองแถวออกจากตลาดสดใกล้วงเวียนน้ำพุ ถนนระนอง ไปยังหาดและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะทางเหมือนกัน รวมไปถึงวินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น

ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดภูเก็ต

ประชากรแต่เดิมในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ เงาะซาไก และชาวยิปซีทะเล หรือ ชาวเล ต่อมาได้มีชาวอินเดีย ชาวไทย และชาวจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ ทำให้ภูเก็ตมีการผสมผสานและสืบต่อวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆเข้าด้วยกัน จนเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ตมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้มีประชากรหลั่งไหลย้ายเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภูเก็ตมีจำนวนประชากรแฝงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย

สภาพภูมิอากาศในจังหวัดภูเก็ต

ภูเก็ตมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนนั้นจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วง ที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ส่วนฤดูร้อนเริ่มในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย ประมาณ 33.4 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในเดือนมีนาคม ส่วนในเดือนมกราคมจะมีอุณภูมิต่ำสุด คือ 22 องศาเซลเซียส ในช่วงอากาศดีที่สุดจะอยู่ในช่วง เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน จะไม่มีฝน ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 31 องศาเซลเซียสเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

อื่น ๆ

ภาษา ที่ใช้ในการสื่อสารของคนภูเก็ตจะเป็นภาษาไทยใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ พูดไม่ออกเสียง ก เป็นตัวสะกด และมีภาษาจีนฮกเกี้ยนที่คนภูเก็ตเชื้อสายจีนจะใช้ในการสื่อสารกัน สำหรับคนที่ทำงานในวงการธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีและยังมีภาษาจีนและรัสเซียที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกเช่นกัน
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดภูเก็ต นอกจากภูเก็ตจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากมายแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องการแพทย์ เพราะมีโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI อย่างเช่น โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต และ โรงพยาบาล สิริโรจน์ อีกทั้งยังมีคลินิกเสริมความงาม และ คลินิกทันตกรรม หลากหลายแหล่งให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน