สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันแขนในประเทศไทย
ในปัจจุบันผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะมีรูปร่างและสัดส่วนที่สวย และ ดูดีมากขึ้น การมีขนาดแขนที่เล็ก สมส่วนกับร่างกายเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนอยากได้ การออกกำลังกายก็ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลา และควบคู่กับการคุมอาหารไปด้วย บางคนออกกำลังกายแต่สัดส่วนไม่ลด ตามที่ต้องการ เรามีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคุณได้ เร็ว แถมยังปลอดภัย รับประกันจากผู้เชี่ยวชาญ คือ การดูดไขมันมันแขนนั้นเอง
การดูดไขมันแขน เป็นการดูดไขมันไขมันส่วนเกิน ทำให้คุณได้มีวงแขนที่สวยงามและไม่หย่อนคล้อย ช่วงแขนส่วนบนที่หย่อนยานทำให้แขนดูแก่ มีอายุและสามารถทำลายบุคลิกภาพโดยรวมของคุณได้ถึงแม่ว่าคุณจะมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบก็ตาม นอกจากนี้ไขมันส่วนเกินที่สะสมใต้ท้องแขนยังทำให้คุณรู้สึกประหม่าเมื่อต้องสวมใส่เสื้อแขนสั้นหรือชุดแขนกุดต่าง ๆ ดังนั้น การดูดไขมันแขนจะทำให้คุณได้รู้สึกมั่นใจกับรูปร่างและสัดส่วนทีคุณต้องการ
การดูดไขมันใต้รักแร้ คือการดูดไขมันหรือผ่าตัดช่วงบริเวณใต้รักแร้ ที่เป็นไขมันที่ยืดออกมาหรื่อหย่อนคล้อยตามเวลา ทั้งนี้เพื่อคืนความงามและสุขภาพที่ดีของช่วงแขน
Key point
- การดูดไขมันแขนเป็นการดูดไขมันเฉพาะจุด
- การดูดไขมันแขนทำให้แขนกระฉับขึ้น
- การดูดไขมันแขนทำให้ผิวพรรณวงแขนเรียบเนียน
การดูดไขมันแขนมีขั้นตอนอะไรบ้าง/เตรียมตัวอย่างไร
การเตรียมตัวก่อน ดูดไขมันแขน
- สิ่งแรกเลยก็คือ การศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน เพื่อจะได้ทราบถึงขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ
- ในการเลือกดูดไขมัน ควรรับบริการดูดไขมันกับแพทย์ที่ได้รับใบประกอบ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้นนะคะ เพื่อลดความเสี่ยงและเอฟเฟคที่จะเกิดผลเสียกับเราหลังจากทำการดูดไขมัน
- ปรึกษาแพทย์และสอบถามเกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆให้ละเอียด ถามให้เรื่องที่เรามีความกังวลเรื่องการดูดไขมัน แล้วค่อยตัดสินใจทำการรักษา
- การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนทำการดูดไขมันก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ก่อนเข้าทำการรักษาดูดการดูดไขมันนั้น จำเป็นต้องงดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
วิธีการดูดไขมันแขน
การดูดไขมันแขนโดยมีวิธีการดูดไขมันแขน ดังต่อไปนี้
1. วิธีดูดไขมันแขน ด้วยเวเซอร์
เวเซอร์เป็นอัลตร้าซาวด์ชนิดหนึ่งที่ใช้ละลายไขมัน ก่อนการดูดออก ซึ่งช่วยในการดูดไขมันให้เร็วขึ้น เหมาะกับการดูดไขมันที่มีเยอะจะใช้เวลาสั้น การใช้เวเซอร์ใช้ในการดูดไขมันได้ดี แต่ก็มีทำให้กระฉับได้แค่ 10% อีกทั้งเวเซอร์บางชนิด มีก้านดูดที่ทำจากโลหะนำความร้อน ทำให้แผลเวเซอร์ที่เกิดขึ้นเกิดการไหม้ได้ง่าย หากไม่ป้องกันให้ดี
2. วิธีดูดไขมันแขน ด้วย BodyJet
BodyJet เป็นอีกวิธีที่นิยมกันในช่วงหลัง การดูดไขมันแบบนี้ คือการใช้แรงดันน้ำเข้าไปช่วยในการดูดไขมันนั่นเอง โดยทั้งไขมันและน้ำจะไหลกลับออกมาพร้อมกัน การใส่น้ำเข้าไประหว่างการดูดหากไม่ผสมยาชาเข้าไปเพิ่ม กลับทำให้เจ็บมากขึ้น หากเครื่องดูดกำลังไม่พอ แพทยจะล้าแขนมากเพราะใช้เวลาทำนานเกิน และกำลังไม่พอสำหรับไขมันบางแห่งที่แข็งและเหนียวเช่นกลางหลัง ทำให้ดูดออกน้อย ที่สำคัญ ไม่ทำให้เกิดการกระชับผิวใดๆ โดยเฉพาะต้นแขน ซึ่งเป็นอวัยวะที่เกิดหนังห้อยได้ง่ายมาก
3. วิธี ดูดไขมันแขน ด้วย endolaser
Endolaser เป็นอุปกรณ์ดูดไขมันต้นแขนรุ่นใหม่อีกตัวที่เข้ามาในตลาด ซึ่งในรอบยี่สิบปีนี้ การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ คือ ความยาวคลื่น” เพราะความยาวคลื่นแต่ละอัน จะมีเนื้อเยื่อเป้าหมายต่างกันโดยมีทฤษฎีว่าเมื่อผนังเซลล์ไขมันเจอความยาวคลื่นเลเซอร์แบบนี้แล้ว จะถูกทำลายไป ทำให้ดูดไขมันออกมาง่ายดาย โดยที่ความยาวคลื่นนั้นๆ จะไม่ทำลายผนังเซลล์ของเนื้อเยื่อสำคัญอื่นๆ
4.วิธีดูดไขมันแขน ด้วย Bodytite + MicroAire
Bodytite ถือเป็นทางเลือกที่สำคัญของการดูดไขมัน เพราะมีหลายอย่างที่ตอบสนองปัญหาของบริเวณนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องที่ทำให้เกิดการกระชับผิวได้เยอะมากถึง 40% อีกทั้งเป็นเครื่องที่มีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิตลอดเวลาแบบเรียลไทม์ เพื่อให้เกิด circuit breaker เมื่อความร้อนถึงจุดที่ตั้งไว้ พลังงานที่ออกจากกลายเป็นศูนย์ ทำให้ไม่มีปัญหาแขนไหม้ หนังแข็งๆ อีกทั้งเข็มดูดที่ทำจากไททาเนียมมีเทฟลอนเคลือบ สามารถแตะได้โดยไม่ร้อน ทำให้ไม่ต้องใส่ port protection ขนาดใหญ่ แผลเป็นจึงมีขนาดเล็ก
เวลาพักพื้น
ดูดไขมันแล้วพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลหรือกลับบ้านเลย ก็ต้องพักฟื้นต่ออีกอย่างน้อย 2 - 3 วัน แต่ส่วนใหญ่แค่ไม่กี่วัน คุณก็กลับไปเรียนหรือทำงาน ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้
การดูแลสุขภาพหลังการดูดไขมันแขน
การดูดไขมันแขน คือการเอาส่วนไขมันที่ไม่ต้องการออกไปอย่างถาวร แต่ก็สามารถมีไขมันเพิ่มมาได้ใหม่ หรือมีน้ำหนักเพิ่มได้อีก หากไม่ดูแลการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายที่ดี หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องควบคุมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่อไป หลังจากขั้นตอนการดูดไขมันเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์อาจให้สวมใส่ชุดบีบกระชับสัดส่วนเป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อช่วยในการควบคุมอาการบวมที่เกิดขึ้น และอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในบางราย
อัตราประสบความสำเร็จ
หลังดูดไขมันเสร็จทันที ในส่วนของผู้ใช้บริการหลายๆคน มักจะมีอาการหน้ามืด เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งอาการข้างต้นเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยหลัก ๆ คือ เกิดจากการสูญเสียน้ำในร่างกายขณะดูดไขมัน และเกิดจากยาชาที่แพทย์ใส่เข้าไปเพื่อใช้ในการระงับความเจ็บปวด จึงอาจทำให้เกิดภาวะไม่สมดุลของน้ำในร่างกายได้ ดังนั้นในวันแรก ๆ หลังดูดไขมันคนไข้จะต้องดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อทดแทนน้ำในร่างกาย และเพื่อให้ร่างกายขับยาชาออกมาทางการปัสสาวะ จากนั้นอาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ หายไปใน 24 ชั่วโมงแรก
ส่วนเคสที่ดูดไขมันด้วยเครื่องอุปกรณ์ความร้อน สัดส่วนหลังทำจะเล็กลงทันที ทำให้มองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน เพราะมีน้ำค้างอยู่ใต้ผิวน้อยมาก มีเพียงแค่น้ำจากขั้นตอนการใส่ Tumescent เท่านั้น แต่ใต้ผิวก็มีความอักเสบจากกระบวนการดูดไขมันอยู่ จึงทำให้เกิดเป็นอาการบวมขึ้น หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 3-7 จะเกิดรอยช้ำขึ้นเป็นปื้น ๆ สีแดงอมม่วง เนื่องจากบริเวณนี้มีเม็ดเลือดหลุดออกมาจากเส้นเลือดมากนั่นเอง (เกิดขึ้นในระหว่างการดูดไขมัน) เมื่อคนไข้ดูแลตัวเองหลังดูดไขมันตามที่แพทย์แนะนำ เช่นการสวมชุดกระชับไว้ตลอดเวลา ก็จะทำให้อาการดังกล่าวดีขึ้น โดยรอยช้ำจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองปนเขียวและค่อย ๆ จางหายไป
มีทางเลือกอื่นๆในการดูดไขมันแขนหรือเปล่า
การดูดไขมันแขนนั้นเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการหลากหลายคน มีความมั่นใจมากขึ้น แน่นอนว่าการดูดไขมันนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนหลายๆคน การทำศัลยกรรมดูดไขมันนั้น มีอีกหลายประเภทที่คุณต้องรู้ เพื่อให้คุณได้ศึกษารายละเอียด การดูดไขมันมีหลากหลายส่วน มีดังต่อไปนี้ การดูดไขมันขา การดูดไขมันหน้าท้อง การดูดไขมันเอว การดูดไขมันน่อง และการดูดไขมันก้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่คุณ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง