สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาส ใน กรุงเทพมหานคร
การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาส (Gastric Bypass Surgery) เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ นิยมที่จะใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการลดน้ำหนัก ที่ได้ผลดีที่สุด สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมาก จนไม่สามารถที่จะใช้วิธีธรรมชาติ อย่างออกกำลังกาย และการควบคุมอาหารได้ ก็มักที่จะหันมาใช้วิธีนี้ อีกทั้งยังสามารถ รักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคกรดไหลย้อน ได้ดีอีกด้วย วิธีนี้จึงเหมาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่ เป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน อย่างรุนแรง
สำหรับใครที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 35-39.9 หรือสูงกว่า คุณอาจมีความจำเป็น ที่จะต้องลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนเช่นกัน เพราะการผ่าตัดกระเพาะอาหาร แบบบายพาส จะทำให้คุณกินอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาส แพทย์จะฉีดยาชาและวางยาสลบ เพื่อให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวด ในระหว่างที่ทำการผ่าตัด หมอจะใช้วิธีการส่องกล้อง และเครื่องมือผ่าตัด เข้าไปในท้องและตัดลำไส้ ส่วนที่ดูดซึมน้ำตาลออกด้วย บางส่วน ทำให้สามารถลดน้ำหนัก ได้มากและนาน ไม่เกิดอาหารหิว จะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 2-4 ชั่วโมง และวิธีนี้ ยังช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ดี เพราะมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน หลายชนิดในร่างกาย ถ้าใครที่เป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรง และมีโรคเบาหวานร่วมด้วย ต้องใช้วิธีนี้เลย
ข้อดี คือ คุณสามารถลดน้ำหนักได้มากที่สุด เหมาะกับใครที่ต้องการจะลดน้ำหนักที่เกินจากปกติหลายสิบกิโล
ข้อเสีย คือ เป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน ที่มีการเชื่อมต่อหลาย ๆ จุด อาจจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ระหว่างผ่าตัดได้ หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจจะมีปัญหาเรื่อง การดูดซึมสารอาหาร ในภายหลังได้ และมีราคาที่ค่อนข้างสูง
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากผ่าตัดแล้ว จะต้องนอนพักรักษาตัว อยู่ในโรงพยาบาลอีกประมาณ 3-5 วัน อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับ ความสมบูรณ์และความแข็งแรงของร่างกาย แต่ละคน หากมีอาการแทรกซ้อน ก็อาจต้องพักรักษาตัว ในโรงพยาบาลนานขึ้น และหลังจากแพทย์ ให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านแล้ว แพทย์ก็จะนัดเพื่อมาติดตามอาการอีก ภายในระยะเวลา 7-10 วัน หลังจากผ่าตัด และจะนัดมาตรวจเป็นระยะ ๆ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ข้อปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
- จะต้องได้รับการควบคุมอาหารทันที และเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องได้รับแผนการรับประทานอาหารอย่างเคร่งครัด
- หลังจาก 0-4 สัปดาห์แรก จะต้องทานเฉพาะอาหารเหลว เช่น ซุปใส ชา กาแฟเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล และรับประทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
- 0-2 สัปดาห์ ถัดมา สามารถทานอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอาหารปกติ ทานในปริมาณน้อย ๆ เคี้ยวอาหารให้ละเอียดและนานกว่าปกติก่อนกลืน
- ควรดื่มน้ำก่อนทานอาหาร 15-30 นาที ไม่ควรดื่มน้ำพร้อมกับการรับประทานอาหาร
- จะต้องให้ความสำคัญ ต่อการเลือกทานอาหาร และควบคุมอาหาร เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ ในการลดน้ำหนักหลังการผ่าตัด
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
ปัจจุบัน การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาส นับว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม และประสบความสำเร็จ เป็นอย่างมาก สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้น ก็คือ หลังการผ่าตัด คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในการรับประทานอาหาร อย่างเคร่งครัด ต้องควบคุมปริมาณอาหาร ที่รับประทานในแต่ละมื้อ จะต้องเลือกทานอาหาร อย่างเหมาะสม เพราะถ้าทำได้ คุณก็จะสามารถ ลดน้ำหนักส่วนเกิน ได้ถึง 60% หรืออาจจะมากกว่านั้น ภายในระยะเวลา 2 ปี เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบบายพาส ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยง ต่อการขาดสารอาหาร เนื่องจาก อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อน ในการดูดซึมสารอาหารลดลง และคุณควรทานวิตามินเสริม ควบคู่กันไปด้วย ความเสี่ยงด้านอื่น ๆ ก็อาจจะเป็น ในเรื่องของการติดเชื้อ เลือดออก หลังการผ่าตัด น้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นต้น
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง