สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การผ่าตัดเต้านม ใน กรุงเทพมหานคร
การผ่าตัดเต้านม เป็นวิธีการหนึ่ง ที่ได้นำมาใช้เพื่อรักษา โรคมะเร็งเต้านม ทั้งผู้ป่วยผู้หญิงและผู้ชาย และยังเป็นการช่วย ในการลดความเสี่ยง ที่จะเกิดมะเร็งชนิดนี้ได้อีกด้วย การผ่าตัดเต้านมมีจุดประสงค์เพื่อกำจัดเซลล์เนื้อเยื่อมะเร็งออกจากเต้านม ซึ่งจะต้องกำจัดออกให้หมดเพื่อไม่ให้เซลล์มะเร็งมีการเจริญเติบโตและแผ่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้อีก แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ ยังไม่ใช่การรักษาโรคมะเร็งเต้านม ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแล้ว การรักษาด้วยการผ่าตัดเต้านมนี้ ถือได้ว่าเป็นกระบวนการ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทางผู้เชี่ยวชาญ ที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแล คุณจะสามารถให้คำแนะนำ ที่มีประโยชน์แก่คุณได้ การรักษาด้วยวิธีนี้ สามารถรักษาโรค ดังต่อไปนี้
1. เนื้องอกที่มีขนาดใหญ่อยู่ในเต้านม
2. มะเร็งกระจายอยู่ในเต้านมมากกว่า 1 จุด
3. ตรวจเจอว่ามีเซลล์ที่ก่อมะเร็งที่เรียกว่า DCIS หรือ ductal carcinoma in situ อยู่ในเต้านม
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
วิธีการผ่าตัดเต้านมมีหลายวิธี ดังนี้
1. การผ่าตัดแบบทั่วไป คือ จะเป็นการตัดเนื้อเยื่อเต้านมทั้งหมดออกมา พร้อมทั้งผิวหนังที่คลุมบริเวณเต้านมก็ถูกตัดออกเช่นกัน
2. การผ่าตัดเฉพาะเนื้อเต้านม คือ การผ่าตัดเอาเฉพาะส่วนเนื้องอกหรือมะเร็งออก แต่จะเว้นผิวหนังและหัวนมไว้
3. การผ่าตัดเต้านมแบบเว้นผิวหนัง คือ การผ่าตัดนำเนื้อเยื่อเต้านมทั้งหมดออกมา แต่จะยังคงผิวหนังที่ปกคลุมเต้านมไว้อยู่อย่างเดิม
4. การผ่าตัดเต้านมแบบถอนราก คือ การตัดเอาเนื้อเยื่อเต้านม และผิวหนังที่ปกคลุมอยู่ออกมา รวมไปถึงกล้ามเนื้อ 2 ตัวที่อยู่หลังเต้านม และต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ ก็จะผ่าตัดออกมาเช่นกัน แต่ในปัจจุบันวิธีนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว
5. การผ่าตัดเต้านมแบบถอนรากแบบใหม่ คือ วิธีการเหมือนกับการผ่าตัดแบบถอนราก แต่แพทย์จะเก็บกล้ามเนื้อหลังเต้านมไว้เหมือนเดิม
การรักษาด้วยการผ่าตัดเต้านมนี้ แพทย์จะให้ยาชา และยานอนหลับ ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกอะไรเลยขณะที่ทำการผ่าตัด
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ระยะเวลาการฟื้นตัวนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัด ซึ่งอาจใช้เวลาในการพักฟื้น ประมาณ 4-6 สัปดาห์ และคุณสามารถกลับไปทำงาน หรือใช้ชีวิตปกติได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ (เว้นแต่งานที่ต้องใช้กำลังมาก) และภายในระยะเวลา 3-6 เดือน หากผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว ร่างกายก็สามารถฟื้นฟู กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิม
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะเป็นผู้แนะนำ และแจ้งรายละเอียดการดูแลตัวเอง ภายหลังการผ่าตัดเต้านม ร่างกายผู้ป่วยจะมีท่อดูดของเหลว ติดอยู่ที่ปากแผล เพื่อช่วยดูดเนื้อเยื่อเหลวและเลือดออกจากแผลนั่นเอง เป็นการป้องกันการติดเชื้อ และลดอาการบวม แพทย์จะทำการปิดแผลของผู้ป่วยไว้ประมาณ 2-3 วัน และระหว่างนี้ จะมีพยาบาลมาคอยดูแล ทำความสะอาดแผลให้ และภายใน 7-10 วัน แพทย์จะนัดมาให้นำด้าย หรือคลิปติดแผลออก
ภายหลังการกลับบ้านแล้ว ผู้ป่วยต้องได้รับการพักผ่อนให้มาก ๆ สามารถออกกำลังกายได้ เพื่อช่วยการไหลเวียนเลือดดีขึ้น ผู้ป่วยต้องระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก การว่ายน้ำหรือการเล่นกีฬา และการขับรถ
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามะเร็งเต้านม มีอัตราเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาพบว่ามีถึง 81.2% ของผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม สามารถมีชีวิตรอดได้นานกว่า 10 ปี แต่มะเร็งก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีกครั้งได้
การผ่าตัดมะเร็งเต้านม มีความเสี่ยงต่อการ เกิดโรคแทรกซ้อน ดังนั้นผู้ป่วยต้องระมัดระวัง ความเจ็บปวด การมีเลือดออก การติดเชื้อ อาการชา มึนงง และปวดไหล่เนื้อเยื่อแผลเป็น เลือดและบวมที่แขน เป็นต้น
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง