สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ขลิบอวัยวะเพศ ใน กรุงเทพมหานคร
ขลิบอวัยวะเพศ (circumcision) คือการผ่าตัดเอาผิวหนังที่หุ้ม ปลายอวัยะเพศชายออก ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญ สำหรับเด็กผู้ชายแรกเกิด และสามารถที่จะทำได้ทุกวัย เพื่อสุขภาพอนามัย หรือเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต แต่ก็อาจจะมีหลายคน คิดว่าอาจจะไม่มีความจำเป็น และมองว่าการขลิบหนังหุ้มปลาย อาจจะทำให้อวัยวะเพศชายเสียหายผิดรูปได้
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยะเพศชาย บางครั้งแพทย์อาจจะมีความจำเป็นทางการแพทย์ เช่น เมื่อหนังหุ้มปลายแน่นเกินไปที่จะดึงกลับ หรือสำหรับบางรายอาจะแนะนำ ให้มีการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จากการมีเพศสัมพันธ์ อีกด้วย
ข้อดีของการขลิบหนังหุ้มปลาย
- ดูแลและรักษาความสะอาดได้ง่ายขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
- ลดความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
- ป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ของอวัยะเพศชาย เช่น หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศตีบ เปิดไม่ได้ เป็นต้น
- ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งองคชาต
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การขลิบหนังหุ้มปลาย ในทารกแรกเกิด ก็มักที่จะทำตั้งแต่แรกเกิด ในขณะที่ยังอยู่โรงพยาบาล เมื่อทารกอายุได้ 1 วัน จนถึง 10 วัน หลังคลอด ซึ่งแพทย์จะมีการอธิบายประโยชน์ และความเสี่ยงในการขลิบหนังหุ้มปลาย และให้งดรับประทานอาหาร หรืองดเครื่องดื่มก่อนการทำการขลิบ โดยการใช้เครื่องมือตัดอัตโนมัติ ที่มีความปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน
เริ่มจากการให้เด็กนอน และรัดแขนขาเอาไว้ แพทย์จะทำความสะอาดอวัยะเพศ และบริเวณโดยรอบ แล้วจึงทำการฉีดยาชา ที่ฐานของอวัยะเพศ หรืออาจใช้เป็นแบบทา หลังจากนั้นก็จะทำการยืดหนังหุ้มปลาย ด้วยที่หนีบพิเศษ แล้วจึงเอาหนังหุ้มปลายออก เสร็จแล้วแพทย์ก็จะใช้ครีม ทาไว้ที่อวัยวะเพศ และพันด้วยผ้าพันแผล ซึ่งก็อาจจะใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
สำหรับขั้นตอน ในการขลิบหนังหุ้มปลาย ของเด็กโตและผู้ใหญ่นั้น ก็จะมีความคล้ายกันกับ ของเด็กทารก แต่จะใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่ หรือบางรายอาจจะต้องวางยาสลบร่วมด้วย โดยในทารกมักใช้เพียงยาชา แบบเจลหรือยาชาเฉพาะที่สำหรับทารก และมักต้องทำการ เย็บแผลร่วมด้วยเพื่อให้เลือดหยุด สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ จะเริ่มฉีดยาชาเฉพาะที่ ที่โคนอวัยวะเพศ ซึ่งจะไม่รู้สึกปวดแผลประมาณ 2-4 ชั่วโมง
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ส่วนใหญ่แล้วการขลิบอวัยวะเพศชาย ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-7 วัน ก็หายเป็นปกติ และสามารถที่จะ กลับไปใช้ชีวิตได้เช่นเดิม บางรายไม่จำเป็น ต้องนอนพักรักษาตัว ในโรงพยาบาล
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
การดูแลและการปฏิบัติตัว
- หลังจากผ่าตัดผ่านไป 2-4 ชั่วโมง ยังไม่รู้สึกเจ็บแผล เพราะยังมีฤทธิ์ของยาชาอยู่ หลังจากนั้น เริ่มปวดแผลก็สามารถกินยาแก้ปวดทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง ในระยะแรก เด็กจะรู้สึกปวดแผลประมาณ 2-3 วัน
- ต้องหมั่นไปทำความสะอาดแผล ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทุกวัน จนกว่าจะครบ 1 สัปดาห์
- แรก ๆ อาจจะมีสะเก็ดเหลือง ๆ ติดบริเวณรอยขลิบ และปลายอวัยวะเพศสีเหลือง ซึ่งเป็นคราบน้ำเหลืองปกติ การโดนน้ำบ่อย ๆ จะทำให้สะเก็ดนิ่ม และหลุดออกไปได้ง่าย ห้ามแกะหรือลอกสะเก็ดเอง ให้ใช้สำลีสะอาดชุบน้ำต้มสุก หรือน้ำเกลือล้างแผลเช็ดหลังปัสสาวะ
- วันที่ 5 หลังจากทำการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ควรรูดหนังส่วนปลาย ร่นมาหลังอาบน้ำทุกครั้ง เพื่อป้องกันหนังหุ้มปลาย ติดกับรอยหยักของหัวอวัยวะเพศ
- ในระหว่างนี้ ถ้ามีเลือดออก ให้กดด้วยสำลีหรือผ้าก๊อซสะอาด ประมาณ 10-15 นาที แต่ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะเด็กเล็กหลังการผ่าตัด แพทย์อาจจะไม่พันแผลไว้ เพราะอาจทำให้เจ็บ ตอนที่จะเอาผ้าพันแผลออก
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
โดยปกติแล้วการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย มีกระบวณการผ่าตัดที่ปลอดภัย และได้รับความสำเร็จ ในทุกกรณี ผลการสำรวจก็จะพบว่า สามารถช่วยลดความเสี่ยง ของการติดเชื้อ HIV ได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง