สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ออลออนซิก ใน กรุงเทพมหานคร
All-on-6 หรือ ออลออนซิก เป็นการใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น เพื่อทดแทนฟันบน หรือฟันล่างทั้งชุด รวมถึงเพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปแล้วเป็นจำนวนมาก โดยการฝังรากฟันเทียม 6 ซี่ ลงบนตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อยึดฟันปลอมได้เป็นอย่างดี มีประสิทธิภาพในการรักษา ที่ช่วยให้เรากลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามได้อย่างเป็นธรรมชาติ
รากฟันเทียม All-on-6 จะมีลักษณะที่คล้ายกับ All-on-4 แต่จะใช้รากเทียมมากกว่า 2 ตัว จึงช่วยให้รากฟันเทียมมีความมั่นคง และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญ จะทำการตรวจดูลักษณะของกระดูกขากรรไกรของผู้ที่เข้ารับการรักษา เพื่อเช็กความแข็งแรงสมบูรณ์ของกระดูก และเช็กว่ามีลักษณะที่เอื้ออำนวยต่อการทำ All on 6 หรือไม่
All-on-6 จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง และมีความแข็งแรงทนทานมาก แม้สภาพของรากฟันเทียมตัวใดตัวหนึ่งจะมีการเสื่อมไปในอนาคต All-on-6 ก็ยังคงสามารถใช้งานต่อไปได้ เพราะมีรากเทียมยึดอยู่หลายตัว สำหรับ All-on-6 จะฝังรากเทียม 4 ตัวไว้ที่แผงฟันหน้า และฝังรากเทียมอีก 2 ตัวทำมุมเฉียง 45 องศา ตามแนวฟันกราม
All-on-6 หรือ การใส่ฟันบนรากฟันเทียมทั้งขากรรไกรแบบติดแน่น มีทั้งหมด 3 แบบ คือ
1. screw retained porcelain crowns (โครงโลหะเคลือบด้วยกระเบื้องพอร์สเลน)
2. screw retained zirconia crowns (เซอร์โคเนียทั้งชิ้นเป็นฟันปลอม)
3. hybrid prosthesis (โครงทำจากโลหะ หรือ ไทเทเนียม และมีส่วนของฟันปลอมเป็นอะคริลิกหรือคอมโพสิต)
ผู้ที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียมทั้งปาก All-on-6
1. คนที่มีปัญหามาจากการทำฟันปลอมชนิดอื่น ๆ และมีฟันโยกคลอนในขั้นที่จำเป็นต้องถอนออก
2. คนที่มีปัญหาสูญเสียกระดูกรองรับฟัน
3. คนที่มีปัญหาโรคเหงือก และภาวะสูญเสียฟันในขั้นรุนแรง
4. คนที่สูญเสียฟันแบบทั้งปาก รวมถึงการสูญเสียเฉพาะฟันบน หรือ ฟันล่าง
5. ใช้ฟันปลอมแล้วรู้สึกหลวม ใส่ได้ไม่พอดี ไม่กระชับ ที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
อย่างไรก็ดี การทำรากเทียม All-on-6 นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา ว่าสภาพกระดูกขากรรไกรของผู้เข้ารับการรักษา ว่าจะรองรับรากเทียมแบบใดได้ และยังขึ้นอยู่กับงบประมาณในการทำอีกด้วย
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
ทันตแพทย์จะทำการวางแผนก่อนทำการรักษา ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการตรวจและประเมินสภาพช่องปากอย่างละเอียด ทั้งจาก CT Scan และ X-Ray เพื่อประเมินความหนาของกระดูกของผู้เข้ารับการรักษา และทำการพิมพ์ปากเพื่อทำครอบฟัน หลังจากนั้น จะทำการฝังรากฟันเทียมเป็นจำนวน 6 ซี่ ลงบนกระดูกขากรรไกรด้านบน หรือด้านล่าง ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อยึดฟันปลอมให้ติดแน่น
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ภายหลังจากการทำ All-on-6 แนะนำให้ควรหยุดพัก หรือ งดทำงานหนัก ทำงานอย่างหักโหมในช่วง 4 วันแรก และอาจใช้เวลาประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ เพื่อให้รากเทียมประสานติดกับกระดูกขากรรไกร
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 2-3 วันแรก หรือพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่หักโหม เช่น การออกกำลังกาย ยกของหนัก และงดทานอาหารบางชนิด เช่น บดเคี้ยวของแข็ง
- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การหมั่นดูแลรักษาสุขภาพอนามัยในช่องปาก แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรียทุกครั้ง
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
จากการศึกษาพบว่ามีอัตราผลสำเร็จมากกว่า 95% และอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้น้อย เช่น เลือดออกไม่หยุด เหงือกบวมหรือเปลี่ยนสี ปากแห้ง เจ็บคอ รู้สึกเสียวในช่องปาก เหน็บ ชา และ รากเทียมไม่ประสานกันดีกับกระดูกขากรรไกร เป็นต้น
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง