สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การทำศัลยกรรมลดขนาดขากรรไกร ใน ไทย
การทำศัลยกรรมลดขนาดขากรรไกร เป็นการผ่าตัดบริเวณขากรรไกรให้มีขนาดเล็กลง และช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งหลายคนมักจะเรียกการทำศัลยกรรมประเภทนี้แตกต่างกัน เช่น ศัลยกรรมตัดมุมกรามให้เล็กลง (Mandibular Angle Reduction) ศัลยกรรมปรับรูปหน้า V-Line (V Line Surgery) หรือ การทำศัลยกรรมลดขนาดขากรรไกร (Jaw Line Surgery) เป็นต้น ซึ่งการทำศัลยกรรมประเภทนี้ เป็นการเปลี่ยนรูปคางและลดขนาดขากรรไกรสำหรับผู้ที่มีคางสั้นหรือยาวเกินไป และแก้ไขจากใบหน้าเดิม ให้เป็นใบหน้าแบบวีไลน์ ที่ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การเลือกทำศัลยกรรมลดขนาดขากรรไกร เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีกรามทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส แก้มป่อง และคางสองชั้น ซึ่งในการทำศัลยกรรมประเภทนี้ ผู้ป่วยจะต้องมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายในช่วงการผ่าตัดขึ้นมาได้
ก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องตรวจร่างกายด้วยการเอ็กซเรย์และทำ CT สแกนโครงสร้างโดยรวมของขากรรไกร ตลอดจนตรวจวัดคลื่นหัวใจอย่างละเอียด เพื่อให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จและผู้ป่วยยังปลอดภัยอีกด้วย
ขั้นตอนการทำศัลยกรรมลดขนาดขากรรไกร
- เริ่มจากการกรีดด้านในช่องปากและทำสัญลักษณ์ตามจุดที่ต้องการจะลดขนาด
- ตัดกระดูกส่วนเกินออกไปและตรึงผิวให้แน่น
- การผ่าตัดในบางกรณี จะมีการผ่าตัดกระดูกขากรรไกรด้านข้างอีกด้วยเมื่อมีความจำเป็น
- ทำการยึดตรึงรอยกรีด
- เย็บแผลผ่าตัดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังผ่าตัดอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและจิตใจของแต่ละคน บางคนใช้เวลาเพียง 7-10 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่บางคนอาจใช้เวลาไปมากกว่านั้น เพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติ
ดังนั้น ช่วงเวลาพักฟื้น ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิต ในขณะเดียวกันนั้น ช่วงการพักฟื้นหลังผ่าตัด อาจมีอาการบวมช้ำขึ้นมาตามบริเวณที่ผ่าตัด และจะค่อย ๆ หายไปภายใน 2-3 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรสังเกตุอาการอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากอาจมีภาวะเลือดออกในเนื้อเยื่อและอาจติดเชื้อได้ ซึ่งอาการทั้งหมดนี้ จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังผ่าตัด 3-6 เดือน
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อเร่งการฟื้นตัวเร็วขึ้นและป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาในช่วงการพักฟื้นให้น้อยที่สุด ซึ่งแพทย์ได้ให้คำแนะนำดังนี้
- การกินอาหาร ในช่วงสัปดาห์แรก ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินอาหารเหลว เนื่องจากสามารถลดความเจ็บปวดได้ และป้องกันการบาดเจ็บที่บริเวณขากรรไกรอีกด้วย
- ดูแลสุขภาพอนามัยภายในช่องปาก ผู้ป่วยควรบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำยาบ้วนปาก เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ นอกจากนี้ ควรงดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย
- สวมผ้าพันแผลและยกศรีษะให้สูง ผู้ป่วยควรรักษาระดับศรีษะให้สูงในเวลานอนหลับ เพราะสามารถลดอาการบวมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังต้องสวมผ้าพันแผลในช่วง 3 วันแรกอีกด้วย
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้แรงมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการยกของหนัก หรือ ออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงเยอะจนเกินไป ทั้งนี้ ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายได้โดยการเดินไปรอบ ๆ อย่างช้า ๆ และฝึกการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เป็นต้น
- พบแพทย์ตามนัด หมั่นพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อเช็คอาการและความคืบหน้าต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นในช่วงของการพักฟื้น
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การทำศัลยกรรมลดขนาดขากรรไกร นับว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยผู้ป่วยประมาณ 94% มีความพึงพอใจในการทำศัลยกรรมประเภทนี้ เพราะผลลัพธ์ที่ออกมา จะได้รูปหน้าแบบ V-Line ดูสวยเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรตรวจเช็คอาการอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจเกิดการติดเชื้อจากการผ่าตัดขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเหลืองคั่ง รูปหน้าไม่เข้ารูป ไม่สมดุล ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ รีบพบแพทย์ทันที
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น