สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การผ่าตัดตกแต่งขนาดของแคม ใน ไทย
ปัจจุบัน มีศัลยกรรมเสริมความงาม มากมายหลากหลายประเภท ที่เป็นตัวเลือก สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ต้องการให้ตัวเองดูดี มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเสริมจมูก การปลูกถ่ายเส้นผม การฉีดผิวเพื่อให้ได้ใบหน้าที่กระชับ หรือแม้แต่การฟื้นฟูจุดซ่อนเร้น ให้ดีและสมบูรณ์ขึ้นก็ตาม เนื่องจากผู้หญิงทุกคน มีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน บางคนไม่ถูกใจขนาด รูปร่าง และสีของอวัยวะเพศของตนเอง หรือเกิดความยากลำบาก ในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เกิดอาการเสียดสีกับกางเกงใน เป็นต้น ซึ่งวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ คือ การผ่าตัดตกแต่งจุดซ่อนเร้นนั่นเอง ซึ่งการผ่าตัดประเภทนี้ สามารถเปลี่ยนจุดซ่อนเร้นของสาว ๆ ให้สวยได้ดั่งใจ และเคลื่อนไหวได้สะดวก
การผ่าตัดตกแต่งจุดซ่อนเร้น เป็นการทำศัลยกรรมพลาสติก ที่ตัดความยาว ของอวัยวะเพศหญิงให้สั้นลง ซึ่งนับว่าเป็นขั้นตอนที่สามารถฟื้นฟูจุดซ่อนเร้น ได้ดีมากเลยทีเดียว
โดยทั่วไปแล้ว หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกาย หรือหยุดงาน เพื่อสังเกตุผลข้างเคียงต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาการบวมหรือแผลจากการผ่าตัด จะหายเป็นปกติ ในระยะเวลา 6 เดือนด้วยกัน
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ารับการทำศัลยกรรมนี้ มักจะไม่พอใจกับลักษณะ ขนาด และสีของอวัยวะเพศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สาว ๆ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า การเลือกทำศัลยกรรม ผ่าตัดจุดซ่อนเร้น ไม่ได้ทำเพื่อความสวยเท่านั้น แต่เนื่องจากจุดซ่อนเร้นที่ต้องการผ่าตัดนั้น ส่งผลให้เกิดปัญหาความยากลำบาก ดังนี้
- มีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- เกิดความยากลำบากขณะที่เดินหรือทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ
- มีอาการติดเชื้อ ขึ้นผื่น เนื่องจากขนาดและรูปร่างของอวัยวะเพศที่ผิดปกติ
สำหรับผู้ที่ต้องการผ่าตัดตกแต่งจุดซ่อนเร้น ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ คือ
- ต้องเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่
- มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
- มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ขั้นตอนการตกแต่งจุดซ่อนเร้น
- แพทย์จะฉีดยาชา รอบบริเวณที่จะทำการตกแต่ง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดในขณะผ่าตัด
- แพทย์เริ่มตัดแคมเล็กที่ยื่นผิดปกติ และตกแต่งให้มีลักษณะที่ใกล้เคียง กับขนาดปกติให้มากที่สุด
- แพทย์ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง
- หลังผ่าตัด แผลอาจจะบวมเล็กน้อย หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ จางหายไป และหายเป็นปกติภายใน 4-6 สัปดาห์
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บปวด และรู้สึกไม่สบายในช่วง 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยสามารถทานยาแก้ปวดได้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จำเป็น ต้องหยุดงานประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้น หลังจากนั้น ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกาย และใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
วิธีการดูแลหลังการตกแต่งจุดซ่อนเร้น
- หมั่นทำความสะอาด บริเวณอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ เช้า-เย็น และหลังปัสสาวะและอุจจาระทุกครั้ง เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อและอักเสบ
- ช่วงการพักฟื้น ผู้ป่วยควรสวมกางเกงที่หลวมสบาย เนื่องจากในช่วงพักฟื้นแรก ๆ จะมีเลือดออกเล็กน้อย
- รับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ควรงดดื่มแอลกอฮอล์
- ควรงดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 1 เดือน และพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจความสมานของแผลเป็นระยะ ๆ
- งดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หลังผ่าตัดในช่วงแรก
- ทานยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบที่แพทย์ได้จัดให้ เพื่อลดอาการปวดระบม และอักเสบ
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การผ่าตัดตกแต่งจุดซ่อนเร้น มีอัตราความสำเร็จสูงถึง 90% ซึ่งผู้ป่วยเอง มีความพึงพอใจกับผลลัพธ์ ที่ออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดประเภทนี้ ก็ยังส่งผลเสี่ยงและผลข้างเคียง อยู่เล็กน้อย ผู้ป่วยควรสังเกตอาการอยู่ตลอดเวลา เช่น อาการเลือดออก แผลติดเชื้อ การตอบสนองของอวัยวะเพศลดลง ปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อยาชา และ หลอดเลือดดำอุดตันในระหว่างการผ่าตัด เป็นต้น หากมีผลข้างเคียงดังกล่าว รีบพบแพทย์ทันที
ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี
เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย
จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย
กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น
เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น
ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น
พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย
ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล
ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม
อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส
การเดินทางในประเทศไทย
การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ
ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล
ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว
ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
ประชากรในประเทศไทย
ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ
ข้อมูลอื่น ๆ
ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย
สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท
วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น