สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น ใน กรุงเทพมหานคร
การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น (Gastroscopy) คือ การส่องกล้อง เพื่อดูอวัยวะภายในร่างกาย เช่น กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ของคนไข้ เพื่อการวินิจฉัยโรค ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น อุดตัน ตีบ เป็นแผลอักเสบ เลือดออก เส้นเลือดแตก อีกทั้งการส่องกล่อง สามารถตัดชิ้นเนื้อ ชิ้นเนื้องอก หรือมะเร็ง ออกจากส่วนล่าง ของกระเพาะอาหาร มาตรวจซ้ำ เพื่อติดตามผลการรักษาด้วยยาว่า แผลหายดีหรือไม่
อุปกรณ์ที่ใช้ในการส่องกล้อง มีลักษณะเป็นสายนิ่ม ๆ เล็ก ๆ สอดเข้าไปทางปาก หรือบางครั้งส่องผ่านทวารหนัก เพื่อตรวจดูกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งตัวกล้องจะแสดงภาพออกทางจอทีวี และมีการบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การเตรียมตัวก่อนการส่องกล้อง ตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น คนไข้จะต้องแจ้ง ให้แพทย์ทราบถึง โรคประจำตัวของตนเอง ยาและอาหารเสริม ที่รับประทาน แพทย์อาจสั่งให้คนไข้ หยุดยาที่รับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผล ต่อการตรวจรักษาได้ คนไข้จะต้องงดอาหาร 6-8 ชั่วโมง ก่อนการส่องกล้อง และงดน้ำและเครื่องดื่มต่าง ๆ เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ขั้นตอนการตรวจ คือ เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คนไข้จะต้องถอดฟันปลอม และของมีค่าต่าง ๆ ออก คนไข้จะได้รับ การพ่นยาชา บริเวณลำคอ จนรู้สึกชา และหนาบริเวณคอ หลังจากนั้น คนไข้จะต้องนอ นบนเตียงตะแคงซ้าย งอเข่าทั้ง 2 ข้าง เข้าลำตัว แพทย์จะให้อมแผ่นยางไว้ เพื่อกันการกัดสายกล้อง ระหว่างการทำ คนไข้จะได้รับ การตรวจวัดออกซิเจน และวัดความดันทุก ๆ 5 นาที แพทย์จะใส่กล้องเข้าไปตรวจทางปาก โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ใช้เวลาในการตรวจเพียง 10-20 นาที เท่านั้น
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
การตรวจด้วยวิธีการนี้ ไม่จำเป็นต้องพักค้างคืน คนไข้สามารถกลับบ้านได้ ในวันเดียวกัน ระยะเวลาในการพักฟื้น จะแตกต่างกันไป ในคนไข้แต่ละคน ขึ้นอยู่กับประเภทของโรค และการรักษา ภายหลังการรักษาแล้ว คนไข้จะได้รับ การสังเกตอาการเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากการตรวจรักษา อาจพบอาการท้องอืด และตะคริว ส่วนยาชาจะยังคงอยู่ตลอดทั้งวัน เมื่อยาชาหมดฤทธิ์แล้วคนไข้อาจมีความรู้สึกเจ็บคอ และระคายเคืองได้ ถือเป็นเรื่องปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
การตรวจรักษาด้วยการส่องกล้องนี้ มีความเสี่ยงและมีผลข้างเคียง ดังนั้นคนไข้ควรดูแลตัวเอง ดังต่อไปนี้
1. คนไข้จะยังมีความรู้สึกชาตลอดทั้งวัน ถือว่าเป็นเรืองปกติ
2. ควรมีญาติหารือคนดูแลคนไข้ในช่วงเวลาพักฟื้น
3. ปฏิบัติตามคำแนะนำที่แพทย์สั่ง เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
4. รับประทานอาหารเหลว หรืออาหารอ่อน ๆ ที่มีรสชาติไม่จัดจ้านในช่วง 2-3 วันแรก
5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
6. ห้ามขับรถเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
7. ห้ามใช้ยาระงับประสาท หรือกล่อมประสาทอื่น ๆ ภายหลังการตรวจรักษา เนื่องจากคนไข้ได้รับอยู่แล้ว ในระหว่างการตรวจรักษา
8. หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นบันไดหากมีอาการง่วงนอน
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น ใช้สำหรับเพื่อดูผนังกระเพาะอาหาร และเป็นการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคในเวลาเดียวกัน ความสำเร็จก็มีเกือบทั้งหมด แต่ก็สามารถพบปัญหา และในบางกรณีของการรักษา
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง