Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

ค้นหาจากแผนที่

คลินิก / ร้าน อื่นๆ ที่มี ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP)

แฮร์ทราน คลินิก
แฮร์ทราน คลินิก
แฮร์ทราน คลินิก
แฮร์ทราน คลินิก
แฮร์ทราน คลินิก
Mordee คลองเตย, กรุงเทพมหานคร
4.54 จาก 5
13 รีวิว
2024 ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ฟื้นฟูสภาพผม เวชศาสตร์ทั่วไป ฟรี Wi-fi หนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ล่ามแปลภาษา
Hairtran Clinic คือคลินิกศัลยกรรมปลูกผมมาตรฐานระดับโลกที่เพียบพร้อมไปด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมจากเวิร์กช็อปที่รับรองโดยสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้นในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ตุรกี มาเลเซีย หรือแม้แต่เกาหลีใต้ ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อศัลยก... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP)
ราคา ฿421,728 - ฿421,728
สยามเลเซอร์ คลินิก เซ็นทรัลพลาซา เวสท์เกต
สยามเลเซอร์ คลินิก เซ็นทรัลพลาซา เวสท์เกต
สยามเลเซอร์ คลินิก เซ็นทรัลพลาซา เวสท์เกต
สยามเลเซอร์ คลินิก เซ็นทรัลพลาซา เวสท์เกต
สยามเลเซอร์ คลินิก เซ็นทรัลพลาซา เวสท์เกต
Mordee บางใหญ่, นนทบุรี
4.5 จาก 5
1 รีวิว
2024 ภาษาไทย เสริมความงาม สูตินรีเวช เวชศาสตร์ทั่วไป ฟรี Wi-fi ที่จอดรถ
ดูทั้งหมด
ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP)
ราคา ฿84,984 - ฿119,977

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) ใน ไทย

ฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) หรือการฉีดเกล็ดเลือดเข็มข้นเข้าเส้นเลือด เพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่มีอาการบาดเจ็บ หรืออักเสบ 

ซึ่งการเข้าไปของเกล็ดเลือดที่มีทั้งโปรตีน และเซลล์ที่ใช้ในการรักษาร่างกาย จะช่วยในการสมานแผลและช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น 

ใครบ้างที่เหมาะกับการรักษาด้วย PRP

การรักษาด้วยวิธี PRP นั้นเหมาะสำหรับคนที่มีอาการเอ็นข้อศอกอักเสบ เอ็นบริเวณกระดูกสะบ้าอักเสบ การบาดเจ็บกล้ามเนื้อแบบเรื้อรัง ผู้มีภาวะข้อเข่าเสื่อม ระยะแรกถึงปานกลาง เป็นโรครองช้ำ และผู้ที่มีไม่ต้องการรักษาด้วยการใช้ยา Steriod  

ผู้ที่ไม่สามารถรับการรักษาด้วยการฉีด PRP ได้

ข้อจำกัดของผู้ไม่สามารถรับการรักษาด้วยการฉีด PRP ได้  คือ ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือเป็นโรคโลหิตจางขั้นรุนแรง  และผู้ที่มีภาวะติเชื้อในกระแสเลือด รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ คนไข้กินยาต้านเกล็ดเลือด หรือทานยาละลายลิ่มเลือด รวมถึงห้ามใช้กับสตรีที่มีครรภ์ รวมถึงผู้ที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร 

การเตรียมตัวเข้ารับ Platelet Rich Plasma (PRP) Injection

เป็นการเตรียมเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการ PRP โดยเริ่มจากการงดยาประเภท NSAIDs ทั้งก่อนและหลังฉีด PRP เป็นระยะเวลา 7 วัน ดื่มน้ำในปริมาณมากก่อนฉีด 1 วัน  และปฏิบัติตนตามความเหมาะสมดังนี้ 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

  • หากมีอาการป่วยควรรักษาให้หายก่อน

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้บริเวณทีฉีดมีผลกระทบ

  • งดอาหารที่มีไขมันสูง

  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 2 ถึง 3 วัน  

การฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) ทางศัลยกรรมความสวยงาม

ในปัจจุบันในวงการแพทย์เพื่อความสวงยงาม ได้มีการใช้ เกล็ดเลือดเข้มข้นมาประยุกต์ใช้ในวงการเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้า ซึ่งเกิดจากเซลล์ผิวที่เริ่มเสื่อมลง และเนื้อเยื่อของคอลลาเจนที่ลดลงจึงตามมาด้วยปัญหาผิวต่าง ๆ ในใบหน้า ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการซ่อมแซมผิวหน้านั่นคือ PRP (PLATELET RICH PLASMA) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของความยืดหยุ่นของผิว เรื่องของริ้วรอยตามส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า ไม่วาจะเป็นหน้าผาก ตลอดจนการรักษา สิว และรอยคล้ำใต้ตา 

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ PRP เพื่อความสวยงาม 

  • ช่วยในการฟื้นฟู รวมถึงกระตุ้น และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพในระดับลึก ทำให้ได้ใบหน้าที่อ่อนวัยกลับคืนมา

  • ทำให้ใบหน้าของท่านดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี เนื่องจากการผลัดผิวใหม่ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และหลอดเลือดภายในผิวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง 

  • รักษาสิว ฝ้า กระ หลุมสิว รอยดำจากสิว จุดด่างดำ รอยแผลเป็น และรูขุมขนมีขนาดเล็กลง  

ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้อาจขึ้นอยู่กับช่วงอายุ และลักษณะของกลุ่มอาการ รวมถึงการดูแลรักษาหลังการรับบริการด้วยเช่นกัน

ขั้นตอนการทำ Platelet Rich Plasma 

ขั้นตอนการทำ PRP นั้นค่อนข้างมีความกระชับและง่ายดาย ดังนี้ 

  • เจาะเลือดจากข้อพับ 

  • นำเลือดมาปั่นเพื่อสกัดให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้น และ Growth Factor 

  • คัดเกล็ดเลือดที่มีความสมบูรณ์ออกมา

  • ฉีดเกล็ดเลือด PRP กลับไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าในชั้นใต้ผิวหนังที่เรียกว่า Mesoderm 

หลังจากทำตามขั้นตอนแพทย์จะอนุญาติในกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

ในปัจจุบันการใช้ PRP นั่นมีประโยชน์อย่างแพร่หลายและสามารถประยุกต์ใช้แบบบูรณาการได้ เช่น การใช้ PRP ร่วมกับ HA หรือ  Hyaluronic Acid ซึ่งเหมาะกับอาการข้อเข่าเสื่อม หรือการใช้ PRP with Ozone ที่ให้ผลในข้อเข่าเสื่อมได้เร็วกว่าแบบธรรมดา 

Plasma PRP ยังสามารถป้องกันผมร่วงได้ 

นอกจากการแก้ปัญหาบริเวณใบหน้า และเส้นเอ็นแล้ว การทำ PRP ยังสามารถแก้ปัญหาเส้นผมอีกด้วย เนื่องจากการฉีดเกร็ดเลือดเข้าสู่หนังศีรษะเพื่อนำ Growth factor เข้าไปบำรุง เพื่อเส้นผมที่ดกดำเงางามอีกด้วย โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เลือดประมาร 25 ถึง 30 cc ต่อการรักษาแต่ละครั้ง และทำการรักษาตามอาการของแพทย์

การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) เพื่อเพิ่มความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก

ส่วนด้านของแผนกสูตินรีเวชกรรม ในปัจุบันก็มีการใช้ PRP ในการทำให้ผนังมดลูกมีความหนา และยังสามารถเพิ่มอัตตราการฝังตัวของตัวอ่อน ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย  โดยสารที่เป็นองค์ประกอบที่เกร็ดเลือดเหล่านี้ปล่อยออกมานั่นคือ 

  • CSF-1 ช่วยส่งเสริมการฝังตัวของตัวอ่อน 

  • IL-6 ช่วยป้องกันการแท้งแบบซ้ำซ้อน

  • IL-8 ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมสำหรับการมีบุตร 

  • LIF ช่วยให้ตัวอ่อนฝังในโพรงมดลูกได้ดีขึ้น

  • TGF-β ทำให้เซลล์รกยึดติดกับเยื่อบุโพรงมดลูกได้อย่างดียิ่งขึ้น 

  • TNF-α ช่วยในเรื่องการฝังตัวของตัวอ่อน 

  • VEGF ทำให้เลือดไปเลี้ยงโพรงมดลูกได้ดีขึ้น

ซึ่งในปัจจุบันการฉีด PRP เข้าสู่โพรงมดลูกนั้น ถือเป็นการรักษาที่พัฒนาขึ้นใหม่ และยังคงเป็นไม่ที่รู้จักมากนัก แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะทำให้สตรีที่มีบุตรได้ยาก สามารถมีบุตรได้ง่ายขึ้นและอัตราความสำเร็จที่มากขึ้นอีกด้วย 

ใครบ้างที่เหมาะแก่การฉีด PRP เพื่อเพิ่มความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก 

สำหรับสตรีผู้ที่เหมาะแก่การเข้ารับการรักษานี้ คือ ผู้ที่มีบุตรได้ยาก และมีผนังมดลูกบางผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจจะมีกลุ่มอาการเช่น การทำงานของรังไข่เสื่อมก่อนวัย รังไข่เริ่มทำงานและตอบสนองได้ช้า ค่าฮอร์โมนการทำงานของรังไข่ AMH ต่ำ และผู้ที่เคยทำเด็กหลอดแก้ว IVF หรือ ICSI แต่ผลการตอบสนองไม่ดี

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากการฉีดพาเลท ริช พลาสมา (PRP) แล้วเทียบจะไม่เกิดอาการข้างเคียงใด ๆ เกิดขึ้น และเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง  แต่ในบางรายอาจจะปรากฏอาการบวมช้ำเล็กน้อย ประมาณ 2 ถึง 3 วัน แต่อาการจะหายไปเองโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม ดังนี้

  • งดล้างหน้า 4 ถึง 6 ชั่วโมงแรก หลังเข้ารับการทำ PRP

  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ 

  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดประมาณ 2 ถึง 3 วัน

  • งดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน

  • หลีกการทานยาประเภท แอสไพริน และ ไอบูโพรเฟ่น ประมาณ 2 ถึง 3 วัน

  • หากต้องการทาครีมบำรุงควรหลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ Whitening

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

อัตราการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้า ไปในทางที่ดีขึ้นนั้นเป็นที่แน่นอน แต่การรักษาในแต่ละคลินิกนั้นอาจจะมีรายละเอียด รวมถึงวิธีการที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละความต้องการของคนไข้ และที่สำคัญคือการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์หลังเข้ารับบริการ 

ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี 

เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย

จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย

กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ  แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น

เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น

ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น

พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย

สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล

ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม

อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส

การเดินทางในประเทศไทย

การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ

ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล

ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว

ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

ประชากรในประเทศไทย

ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ

ข้อมูลอื่น ๆ

ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย

สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท

วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย  เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น