Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

ค้นหาจากแผนที่

สิ่งที่ควรรู้ เกี่ยวกับ การทำทันตกรรม

การทำฟัน หรือ การทำทันตกรรม เป็นการตรวจสุขภาพและดูแลรักษาช่องปากและฟัน เพื่อให้เหงือกและฟันมีสุขภาพดี สามารถใช้งานได้ยาวนาน เพราะเหงือกและฟันเป็นอวัยวะที่สามารถเสื่อมสภาพได้ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงอาหารการกิน และการทำความสะอาด ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสุขภาพช่องปากอยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่แล้วการทำทันตกรรมจะมีอยู่หลัก ๆ ดังต่อไปนี้

  1. การตรวจสุขภาพฟันทั่วไป
    เป็นการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้ทันตแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง โดยจะมีการซักประวัติคนไข้ มีการตรวจช่องปากด้วยตาเปล่า และบางกรณีอาจมีการเอกซเรย์ฟันเพิ่มเติมด้วย
  2. การขูดหินปูนและการขัดฟัน
    ถึงแม้จะมีการดูแลเหงือกและฟันเป็นอย่างดีแล้ว แต่การกินอาหารในชีวิตประจำวันก็อาจทำให้เกิดคราบหินปูนติดอยู่ตามซอกฟัน ซึ่งหินปูนเหล่านี้เกิดจากแบคทีเรียและจะทำให้เกิดกรดเข้าไปทำลายผิวเคลือบฟัน เป็นต้นเหตุของปัญหาฟันเหลืองและกลิ่นปาก รวมถึงหากทิ้งไว้นานจะทำให้เนื้อฟันผุกร่อน เกิดปัญหาโรคเหงือก เลือดออกตามไรฟัน โดยคราบหินปูนไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟัน ดังนั้นจึงควรไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและขัดฟันเป็นประจำทุก ๆ หกเดือน
  3. การอุดฟันและการถอนฟัน
    ในกรณีที่เกิดฟันผุ การอุดฟันจะเป็นการรักษาสภาพฟันให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยทันตแพทย์จะเอาเนื้อฟันที่ผุออกก่อน จากนั้นทำความสะอาด และเติมวัสดุอุดฟันลงไป เป็นการป้องกันไม่ให้แบคทีเรียกัดกินเนื้อฟันจนเสียหาย แต่ในกรณีที่มีปัญหาฟันผุอย่างรุนแรงจนโพรงประสาทฟันเสียหาย เกิดอุบัติเหตุกับฟันจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ มีปัญหาฟันคุด หรือต้องเตรียมช่องปากสำหรับการจัดฟัน ทันตแพทย์ก็อาจจะมีการพิจารณาให้ถอนฟันด้วยเช่นกัน


นอกจากนี้ยังมีการทำทันตกรรมเพื่อความงาม ทันตกรรมจัดฟัน ทันตกรรมประดิษฐ์ (การปลูกฟันเทียม การครอบฟัน สะพานฟัน หรือทำฟันปลอม) ทันตกรรมรักษารากฟัน ทันตกรรมปริทันต์ (การรักษาโรคเหงือก) รวมถึงทันตกรรมสำหรับเด็กอีกด้วย

ข้อดีของการทำทันตกรรม

การทำทันตกรรมคือการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งจะส่งให้เกิดผลดีดังต่อไปนี้

  • ช่วยลดปัญหาการเกิดโรคเหงือก
  • ช่วยป้องกันการเกิดฟันผุ
  • ช่วยลดกลิ่นปากไม่พึงประสงค์
  • สุขภาพเหงือกและฟันแข็งแรง
  • ทำให้มั่นใจกับรอยยิ้มมากยิ่งขึ้น

เมื่อใดที่ควรจะทำทันตกรรม

ทันตกรรมสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย เพราะสุขภาพช่องปากและฟันสิ่งจำเป็นสำหรับการบดเคี้ยวอาหาร ดังนั้นจึงควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก ๆ สามถึงหกเดือน หรือเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ เช่น

  • มีกลิ่นปาก
  • เหงือกบวม
  • รู้สึกปวดฟันหรือเสียวฟัน
  • มีเลือดออกตามไรฟัน

หากมีอาการเหล่านี้ไม่ควรชะล่าใจ ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันในอนาคต

การเตรียมตัวก่อนรับบริการทันตกรรม

สำหรับการเตรียมตัวก่อนรับบริการทันตกรรมนั้น ควรแปรงฟันให้สะอาดก่อนพบทันตแพทย์ เพื่อไม่ให้มีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟัน รวมถึงช่วยลดกลิ่นปากจากการกินอาหารหรือการสูบบุหรี่ และควรเตรียมความพร้อมสำหรับการซักประวัติก่อนการรักษาด้วย

  • แจ้งให้ทันตแพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ
  • หากมีการตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ ควรแจ้งทันตแพทย์
  • ผู้ที่มีฟันเทียมควรนำฟันเทียมมาด้วยเพื่อให้ทันตแพทย์ได้ตรวจสอบสภาพ
  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการให้เคมีบำบัดควรได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ก่อนการรักษา
  • หากมีการแพ้ยา หรือกำลังรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดควรแจ้งให้ทราบ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานทานอาหารตามปกติ

การดูแลหลังเข้ารับบริการทันตกรรม

การดูแลหลังทำทันตกรรม สามารถจำแนกได้ตามรูปแบบการรักษาดังต่อไปนี้

  1. การตรวจสุขภาพฟันทั่วไป
    หากได้รับการวินิจฉัยว่าสุขภาพเหงือกฟันแข็งแรงดี ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และควรดูแลรักษาสุขภาพฟันด้วยการแปรงฟันรวมถึงใช้ไหมขัดฟันอยู่เสมอ
  2. การขูดหินปูนและการขัดฟัน
    อาจมีเลือดออกและเกิดการเสียวฟันหลังจากขูดหินปูนหรือขัดฟัน แต่จะหายได้เองตามปกติ ระหว่างนั้นไม่ควรดื่มน้ำบ่อย และควรงดอาหารที่มีรสเปรี้ยว หวาน หรือเย็นจัด ในช่วง 2- 3 วันแรก รวมถึงงดการสูบบุหรี่เพราะจะทำให้เกิดหินปูนเร็วขึ้น
  3. การอุดฟันและการถอนฟัน
    • หลังจากอุดฟันควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีลักษณะแข็งหรือเหนียวจัด เพราะอาจทำให้วัสดุอุดฟันแตกได้ และควรงดรับประทานอาหารประเภทชา กาแฟ รวมถึงงดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้วัสดุอุดฟันเปลี่ยนสี
    • หลังจากถอนฟันเสร็จแล้วให้กัดผ้าก็อซให้แน่นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และเปลี่ยนผ้าก็อซใหม่หากเลือดยังไม่หยุดไหล ห้ามดูดแผล แกะแผล หรือบ้วนเลือดทิ้งเพราะจะทำให้เลือดหยุดช้าลง ในช่วงแรกให้รับประทานอาหารอ่อน ๆ และสามารถทายาแก้ปวดได้ครั้งละ 1 เม็ด ทุก ๆ 4 - 6 ชั่วโมง หากมีอาการบวมให้ประคบเย็นได้

นอกจากนี้ควรหมั่นแปรงฟันให้สะอาด ใช้น้ำยาบ้วนปากหรือไหมขัดฟัน และกลับไปพบทันตแพทย์ตามนัดพร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ

ระยะเวลาพักฟื้นหลังทำทันตกรรม

โดยส่วนใหญ่แล้วการทำทันตกรรมจะใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1 - 2 วัน ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน เพราะอาจส่งผลกระทบกับวัสดุที่ใช้ในการรักษาฟัน หรืออาจทำให้แผลที่เกิดจากการรักษาเหงือกและฟันหายช้า 

เบื้องต้น ควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันด้วยการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ แปรงฟันให้ถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดตามซอกฟันที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีไปอีกนาน

ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการรับบริการทันตกรรม

ปกติแล้วเราจะสามารถตรวจสุขภาพช่องปากและฟันได้ทุก ๆ สามถึงหกเดือน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ควรแจ้งทันตแพทย์ให้ทราบก่อน โดยเฉพาะกลุ่มโรคที่เลือดออกง่ายและหยุดไหลยาก กลุ่มโรคเบาหวานที่อาจทำให้แผลหายช้า กลุ่มโรคที่อาจทำให้เกิดอาการชัก หรือหายใจเหนื่อยหอบในระหว่างรักษา เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้มีการวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง ป้องกันความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้

  • โรคเกล็ดเลือดต่ำ
  • โรคหัวใจ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไต
  • โรคหอบหืด
  • โรคลมชักผู้ที่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

บริการ ทันตกรรม เหมาะสำหรับใคร

บริการทันตกรรม เหมาะสำหรับทุกคน และทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญภายในร่างกาย หากมีเหงือกและฟันแข็งแรง ก็จะสามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไปช่วยบำรุงร่างกายได้นาน ๆ


ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำทันตกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมคลิก อ่านต่อ

ประเทศไทย มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค 77 จังหวัด และมีอากาศค่อนข้างร้อนชื้นตลอดทั้งปี 

เป็นที่ยอมรับกันว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก นำพาชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยให้เดินทางมาท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยเหตุผลนานานับประการ และในปัจจุบันประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เนื่องจากมีความพร้อมในการให้บริการที่ได้มาตรฐานในระบบสากล รวมทั้งมีค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า และใน ปัจจุบัน ประเทศไทย มีจํานวนสถานพยาบาล ที่ได้รับ การรับรอง มาตรฐาน ในระดับ สากล JCI มากที่สุดใน AEC ถึง 56 แห่ง ซึ่งมาก เป็นอันดับ 4 ของโลก อีกด้วย

จังหวัดท่องเที่ยวที่ยอดนิยมของไทย

กรุงเทพมหานคร อันดับหนึ่งตลอดกาลคงต้องยกให้กับจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีย่านธุรกิจ และ  แหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ทุกคนต้องแวะไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติคือ วัดพระแก้ว, วัดอรุณ, วัดโพธิ์, เยาวราช, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการเดินทางคมนาคมในกรุงเทพฯนั้นก็แสนจะสะดวกสบาย สามารถเดินทางได้โดยขนส่งสาธารณะ เช่น Airport link, BTS, MRT, รถแทกซี่, รถเมล์, รถตุ๊กตุ๊ก เป็นต้น

เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ถือเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ซึ่งมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นสบายละมีบรรยากาศที่ดี เชียงใหม่ยังเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และยังเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม สถานที่ที่น่าสนใจในเชียงใหม่ ได้แก่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ดอยอินทนนท์ ถนนนิมมานเหมินทร์ วัดอุโมงค์ เป็นต้น เชียงใหม่เป็นเหมือนศุนย์กลางการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพราะสามารถต่อรถไปยังที่เที่ยวรอบ ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น จ. เชียงราย, จ. แม่ฮ่องสอน เป็นต้น

ภูเก็ต เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีหาดทรายที่สวยงาม มีน้ำทะเลใส เหมาะกับการเล่นน้ำและดำน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำแบบอื่น ๆ ชายหาดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ หาดป่าตอง, หาดกะตะ, หาดกะรน เป็นต้น ทั้งสามารถซื้อทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับยังเกาะใกล้ ๆได้ เช่น หมู่เกาะพีพี, เกาะราชา, เกาะไข่ เป็นต้น หากใครที่ไม่ชอบทะเล ก็สามารถเข้าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวภูเก็ตภายในตัวเมืองได้ เช่น สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่ถนนถลาง, ซอยรมณีย์ หรือ ไหว้พระขอพรจากวัดฉลองซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต เป็นต้น

พัทยา ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนและเป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ และเป็นที่รู้จักกันมากกว่าตัวจังหวัด และเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของคนไทยเพราะใกล้กรุงเทพเพียงแค่ 100 กิโลเมตร สามารถมาเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้สบาย และนอกจาก วอล์คกิ้งสตรีท ที่หลายๆคนนึกถึง พัทยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ปราสาทสัจธรรม, สวนน้ำรามายณะ เป็นต้น ซึ่งการเดินทางยอดนิยมสำหรับการมาพัทยาคือ การขับรถยนต์ส่วนตัว และการนั่งรถตู้จากกรุงเทพฯ และเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินทางมาพักผ่อนแบบครอบครัวอีกด้วย

สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เขตศูนย์สูตร มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นตัวกำหนดลักษณะอากาศของประเทศไทย พื้นที่ส่วนบนเป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่ส่วนกลางเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางใต้เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล

ลักษณะภูมิอากาศ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม, ฤดูฝน จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงตุลาคม และฤดูหนาว จะเริ่ม ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคม

อุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ร้อนและไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีค่าเฉลี่ยทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีค่าสูงสุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่ำสุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิผันแปรตามสภาพภูมิประเทศ กล่าวคือ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศร้อนจัดและหนาวจัดกว่าภาคอื่น ๆ, ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางส่วนของพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 28 องศาเซลเซียส, ภาคใต้ทั้งสองฝั่งล้อมรอบด้วยทะเล อุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27.3 องศาเซลเซียส

การเดินทางในประเทศไทย

การเดินทางในประเทศไทย ไม่ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดไหนก็มีความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ

ทางบก ก็มีเส้นทางหลักที่สะดวกไปได้ทั่วถึงทุกจังหวัดในประเทศไทย และมีทางเลือกที่หลากหลาย เช่น การเดินทางโดยรถประจำทาง, รถแทกซี่ (มีบริการในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆ), รถมอเตอร์ไซค์ (นิยมใช้บริการในระยะใกล้ๆ) รถเช่า, หรือรถยนต์ส่วนบุคคล

ทางอากาศ ปัจจุบันประเทศไทยมีสายการบินในประเทศหลายสาย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว

ทางน้ำ เนื่องจากเมืองไทยมีแม่น้ำลำคลองอยู่ทั่วไป และยังมีหลายคลองที่มีเรือโดยสารวิ่งรับส่งคนตามท่าเรือต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

ประชากรในประเทศไทย

ประเทศไทย มีจำนวนประชากรโดยประมาณ 65 ล้านคนซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ โดยประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ และประชากรส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ตามลำดับ

ข้อมูลอื่น ๆ

ภาษา ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว มีการระบุว่าเป็นภาษาหลักของการศึกษาและใช้ในราชการ ในขณะที่ ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่สองที่พบมากที่สุดในประเทศไทย

สกุลเงิน สกุลเงินที่ใช้เป็นสกุลเงินบาท

วันหยุด ราชการ ที่สำคัญ ของไทย ได้แก่ วัน ขึ้นปีใหม่, วัน สงกรานต์,วัน เฉลิมพระชน มพรรษา ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินี, วัน แม่แห่งชาติ เป็นต้น

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย

ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นับเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในประเทศไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น โดยที่ประเทศไทย ติดอันดับ 1 ของ เอเชีย  เนื่องจากไทยมีหน่วยการแพทย์ที่มีคุณภาพ มีราคาที่ไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้การรักษา รวมถึงประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ มีจุดเด่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และมีสถานพยาบาลที่พร้อม เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และเกาะสมุย เป็นต้น