สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันเอวในประเทศไทย
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นเทคนิคการศัลยกรรมรูปร่างเพื่อนำไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการออก การดูดไขมันนั้นช่วยลดปริมาณไขมันที่เกิดจากการสะสมตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นไขมันที่สลายได้ยาก
สำหรับการดูดไขมันเอว หรือ ห่วงยางรอบเอว (Love Handles Lipo) เป็นส่วนเกินที่เราพบได้บ่อย โดยที่ชื่อ Love Handles มีที่มาจากการที่บริเวณนี้เป็นบริเวณที่คนเราสวมกอดกันนั่นเอง เจ้าพุงห่วงยางนี้ เกิดจากการสะสมของไขมันส่วนเกิน ที่มาจากอาหารที่เรากินเข้าไปแล้วยังมีพลังงานหลงเหลืออยู่ มันจึงไปสะสมอยู่ตรงห่วงยางรอบเอว โดยเฉพาะคนที่ชอบดื่มเบียร์, กินของหวาน, กินคาร์โบไฮเดรต หรือกินมากเกินจำเป็น มิหนำซ้ำบริเวณนี้ยังเป็นจุดแรกของการสะสมของไขมันในร่างกาย แต่แปลกตรงที่กลับเป็นจุดสุดท้ายที่ร่างกายจะเลือกเผาผลาญไขมันออกไป เป็นจุดที่ลดยาก ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมพุงห่วงยางไม่หายไปสักที
การรักษา หรือการแก้ไข ปัญหาไขมันสะสมบริเวณเอว สามารถทำได้ดังนี้ คือ
- ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร งดของหวาน ของทอด ของมัน เพื่อลดการสะสมของไขมันในร่างกาย
- ออกกำลังกายแบบ HITT เป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสานกันระหว่างคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง
- การดูดไขมันเอว (waist / love handles lipo)
การดูดไขมันเอว (waist / love handles lipo) เป็นวิธีกำจัดไขมันเฉพาะส่วน จึงเป็นทางลัดในการสร้างเอวที่เคยหนาหรือคนที่ไม่มีเอวจนรูปร่างตรงเป็นสี่เหลี่ยม ให้มีรูปร่างที่มีส่วนโค้งส่วนเว้ามากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งอาจจะเอาชนะปัจจัยด้านพันธุกรรมไม่ได้เสมอไป
การรักษาพยาบาล เตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนทำการดูดไขมันเอว?
การเตรียมตัวก่อนการเข้ารับการดูดไขมันเอว คือ จะต้องเตรียมผลตรวจเลือด เพื่อให้แพทย์ทราบถึงความเข้มข้นของเกล็ดเลือด ลักษณะของเม็ดเลือด รวมถึงโรคติดเชื้อต่างๆ (ถ้ามี) นอนพักผ่อนให้เพียงพอ งดยา-อาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดดื่มชา กาแฟ รวมถึงน้ำอัดลมก่อนเข้ารับการดูดไขมันเอว เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะขณะดูดไขมัน ก่อนดูดไขมันเอวอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ผู้รับการดูดไขมันเอวสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ และควรเตรียมเสื้อผ้าสีเข้มไว้ใส่ในวันดูดไขมันเอว เพราะหลังจากดูดไขมันจะมีน้ำซึมออกมา ซึ่งอาจจะทำให้เห็นเป็นคราบได้
ระยะเวลาพักฟื้นหลังการดูดไขมันเอวนานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการพักฟื้นหลังจากการดูดไขมันเอวโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันเอวจะสามารถกลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่วัน และสามารถกลับมาทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
การดูแลหลังเข้ารับการรักษาดูดไขมันเอว?
การดูดไขมันเอวนั้นมีผลถาวรสำหรับไขมันเอวที่ดูดออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามก็สามารถมีไขมันเพิ่มมาได้ใหม่บริเวณเอว หรือมีน้ำหนักเพิ่มได้อีก หากไม่ดูแลการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายที่ดี หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การดูแลตัวเองหลังจากการดูดไขมันเอวไปแล้ว จะต้องควบคุมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่อไป หลังจากขั้นตอนการดูดไขมันเอวเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์อาจให้สวมใส่ชุดบีบกระชับสัดส่วนเป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อช่วยในการควบคุมอาการบวมที่เกิดขึ้น และอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในบางราย
การดูดไขมันเอวมีอัตราสำเร็จมากแค่ไหน?
การดูดไขมันเอวเพียงอย่างเดียวสามารถทำด้วยยาชาได้สบายๆ แต่ส่วนมากปัญหาเอวใหญ่มักจะมาพร้อมกับหน้าท้องใหญ่ไปด้วยและจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาไปพร้อมกัน โดยเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง หรือบางรายทำ sexy line ไปด้วยเลย ซึ่งการดูดไขมันหลายจุดเมื่อรวมสะโพก รวมไขมันที่หลังในส่วนที่ปลิ้นออกมาจากใต้บราไปด้วย บริเวณที่จะดูดก็อาจจะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการใช้ยานอนหลับร่วมด้วย ก็อาจจะเหมาะกว่า การดูดไขมันเอวแบบ BodyTite ร่วมกับ microaire PAL เป็นศัลยกรรมทางเลือกที่ช่วยลดระดับเอวให้อยู่ในระดับที่ต้องการ ดูสมส่วนกับสรีระร่างกายได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ทั้งสองเทคโนโลยีร่วมกัน
หลักการแบบ BodyTite คือ ใช้เข็มเจาะผ่านชั้นผิวหนังทำให้ไขมันสลายตัว เพื่อดูดเอาไขมันออกมา ผ่านแคนูล่าขนาดเล็กทำให้เกิดแผลเป็นที่มีขนาดไม่ถึง 1 เซนติเมตรและสามารถเลือนหายไปได้เอง Bodytite ใช้พลังงานผ่าน Radifrequency Wave ที่ปลอดภัย มีเซนเซอร์ที่หัว ทำให้รู้ว่าร้อนไปหรือไม่ และหากพลังงานมีมากเกินกว่าที่กำหนด เครื่องก็จะตัดพลังงานเองโดยอัตโนมัติ ทำให้ผิวหนังไม่ไหม้ ปลอดภัยมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดูดไขมัน ด้วยเทคโนโลยีของบอดี้ไทท์ทำให้ช่วยกระชับผิวไปในตัว โดยใช้อุปกรณ์ระบบสั่น PAL เข้ามาเสริมเพื่อทำให้ดูดไขมันได้ในปริมาณมากตามความต้องการ และช่วยกระชับผิวไปพร้อมกัน
สำหรับผลข้างเคียงที่เป็นปกติจากการดูดไขมันเอว เช่น มีอาการบวมและช้ำ เกิดการอักเสบบริเวณที่รักษา เป็นต้น สิ่งที่ควรระวังคือ การติดเชื้อของแผลผ่าตัด ควรรักษาแผลผ่าตัดให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ สำหรับคนปกติทั่วไปที่มีสุขภาพดี อัตราความสำเร็จในการดูดไขมันเอวเป็นไปได้สูงกว่าในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่แผลจะหายช้า หรือติดเชื้อหรือโรคแทรกซ้อนได้สูงกว่าคนทั่วไป
ทางเลือกอื่นๆ ในการทำศัลยกรรมดูดไขมัน
การดูดไขมันเอว อาจทำร่วมกันกับดูดไขมันหน้าท้อง หรือ Sexy Line และ Six Pack สำหรับผู้ชาย เพื่อปรับรูปร่างส่วนกลางของร่างกายให้ออกมาสวยงาม ไม่เพียงแต่บริเวณเอวเท่านั้นที่มีการสะสมของไขมันในร่างกาย บริเวณอื่นก็มีการสะสมของไขมันเช่นกัน ดังนั้นนอกจากการดูดไขมันเอวแล้ว mymeditravel ยังมีตัวเลือกของ Medical Tourism ในการดูดไขมันบริเวณส่วนอื่นๆ อีก เช่น การดูดไขมันแขน , การดูดไขมันขา, การดูดไขมันหน้าท้อง, การดูดไขมันก้น , การดูดไขมันน่อง นอกจากนี้การดูแลตัวเองในเรื่องอื่นๆ หลังการดูดไขมันไปแล้วก็จะทำให้คุณรักษารูปร่างได้นานยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย อาหารที่มีไขมันน้อย งดของหวานต่างๆ รวมถึงการออกกำลังนอกจากทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้รูปร่างดีและกระชับเฟิร์มขึ้นด้วย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง