Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

Dollars sign จองกับเราไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ค้นหาจากแผนที่

คลินิก / ร้าน อื่นๆ ที่มี รักษาผิวหน้า

Lyfe Medical Wellness
Lyfe Medical Wellness
Lyfe Medical Wellness
Lyfe Medical Wellness
Lyfe Medical Wellness
Mordee ถลาง, ภูเก็ต
5 จาก 5
8 รีวิว
2024 ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เวชศาสตร์ทั่วไป โรคภูมิแพ้ เสริมความงาม ฟรี Wi-fi การประสานงานด้านประกันสุขภาพ บริการจองโรงแรม
Lyfe Medical Wellness – A Partner to Your Optimal Health With our focus in prevention, personalization and rejuvenation our services and treatments are customized to suit individual aim to bring you the optimal performance – Inner health, youthful and perfect look – Youth &... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
รักษาผิวหน้า
ราคา ฿9,998 - ฿49,991

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ รักษาผิวหน้า ใน ภูเก็ต

ทรีทเมนต์ บำรุงผิวหน้า (Facial treatment) คือขั้นตอน วิธีการรักษา ดูแล และบำรุงผิวหน้าด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ ซึ่งมีความพิถีพิถัน จุดประสงค์ในการบำรุงก็มีให้เลือกทำอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำเพื่อลดรอยสิว เพื่อยกกระชับใบหน้า และเพื่อการสลายไขมัน เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรม จะมีหลายขั้นตอน หรือขั้นตอนเดียวก็ได้ ตามแต่วิธีการของการรักษา เช่น

  • ทรีทเมนต์หน้าใส (PHA, Neo Peel) คือการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนที่ตายแล้ว ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวหน้าดูใสขึ้น
  • Phono เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ผลักวิตามินเข้าสู่ผิว เหมาะสำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง ผิวรอบดวงตา
  • Lonto เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าผลักวิตามินเข้าสู่ผิว
  • การฉายแสง LED บนผิวหน้าเพื่อลดอาการแดง การอักเสบของผิว รวมถึงเป็นการฆ่าเชื้อสิว และลดการระคายเคือง
  • คลื่นวิทยุ (Radiofrequency Therapy) เป็นการใช้อุปกรณ์ปล่อยคลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นสารในชั้นผิว
  • Oxygen Plus / Jet Peel การผลัดเซลล์ผิวด้วยการเพิ่มออกซิเจน เป็นการทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก
  • การใช้ความเย็น (Cryotherapy) นวดผลักอาหารผิวลงใบหน้า ผลักลึกกว่าการทาครีม หรือการมาสก์หน้า
  • Meso No Needle เป็นการผลักตัวยา และวิตามินโดยการใช้เทคนิค Electroporation ที่จะช่วยแก้ไขปัญหารอยต่าง ๆ บนผิวหน้า

ข้อดีของการทำทรีทเมนต์

1.ใช้เวลาเพียงครั้งละ 30 - 40 นาที 

2.ไม่ต้องพักหน้าหลังทำ สามารถออกแดดและแต่งหน้าได้ทันที ในบางโปรแกรม

3.เริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ 

4.ไม่จำกัดช่วงอายุ ต่างกันแค่ความถี่ในการใช้บริการเท่านั้น

5.การยกกระชับใบหน้า หน้าเต่งตึง เรียววีมากขึ้น

6.ลดเลือนริ้วรอย ป้องกันหน้าแก่ก่อนวัย และดูอ่อนเยาว์ลง

7.หน้ากระจ่างใส ลดรอยดำ รอยไหม้ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ

8.รักษาสิว ป้องกันการเกิดสิว

9.ลดรอยคล้ำใต้ตา

10.ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี

ข้อเสีย

1.บางคนหลังจากทำเสร็จแล้วอาจจะมีขุยเล็ก ๆ บนผิวหน้า ซึ่งจะหายไปใน 2 - 3 วัน

2.คนที่มีปัญหาสิว หรือรอยสิวชัดเจน ทรีทเมนต์อาจจะไม่ใช่ตัวที่รักษาสิวหรือรอยให้ดีขึ้นชัดเจนได้ดีที่สุด

3.หลังทำจะมีโอกาสหน้าแห้งหรือลอกได้บ้างเล็กน้อย

4.ต้องทำเรื่อย ๆ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Facial Treatment

1.ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

2.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

3.ควรเว้นการทาเครื่องสำอาง เพื่อให้ง่ายในการตรวจสภาพผิวที่แท้จริง

4.ควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

5.วิตามินที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้รับบริการ

 

อายุระหว่าง 20-30 ปี แนะนำให้นวดหน้าเดือนละ 1 - 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างทุก ๆ 2 - 3 เดือน เพราะคนในกลุ่มอายุนี้ยังไม่ค่อยมีปัญหาผิวมากนัก

อายุระหว่าง 30-40 ปี ในวัยนี้ เซลล์ผิวจะเริ่มผลัดเปลี่ยนอย่างช้า ๆ หน้าเริ่มฟื้นตัวน้อยลง แนะนำให้รับการรักษาผิวหน้าเพื่อลดริ้วรอย สัปดาห์ละครั้ง อย่างต่อเนื่อง

อายุระหว่าง 40-50 ปี รับบริการบำรุงผิวหน้าสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ทำทุก 2 สัปดาห์ เพราะผิวขาดความสามารถในการฟื้นฟู และเกิดริ้วรอยได้ง่าย

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

ทรีทเมนต์ บำรุงผิวหน้า (Facial Treatment) เป็นกรรมวิธีที่ปรนนิบัติผิวหน้าอย่างล้ำลึก ให้สวยงาม เปล่งปลั่ง โดยการฟื้นฟูสภาพผิวหน้าจากปัญหาต่าง ๆ ให้ดูมีสุขผิวที่ดี รวมถึงยังช่วยป้องกันผิวหน้า ให้ลดการเกิดสิว เกิดริ้วรอย ทั้งสลายไขมันในส่วนที่ไม่จำเป็นอีกด้วย ทำหนึ่งครั้งอาจมีหลากหลายขั้นตอน ตามจุดประสงค์ของปัญหาผิวที่ต้องการดูแล

การทำทรีทเมนต์บำรุงผิวหน้าด้วยการนวดหน้าใสเป็นอย่างไร ?

Dermalogica เป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เลือกนำมาใช้ในการทรีทเมนต์ผิวหน้า ร่วมกับเครื่องทำทรีทเมนต์ ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศเยอรมัน เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการผิวพรรณได้อย่างตรงจุด ทั้ง ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งขาดน้ำ ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เป็นสิว และ รูขุมขนกว้าง เป็นต้น

ทรีทเมนต์ของ Dermalogica ให้ความแตกต่างที่ชัดเจน เพราะนอกจากจะเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันดับหนึ่งจากประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านผิวออกแบบทรีทเมนต์ผิวหน้าโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละรายอีกด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ตอบโจทย์ทุกความต้องการการดูแลของผิวหน้า ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

สำหรับโปรแกรมนี้ เหมาะมากสำหรับคนที่เตรียมตัวกำลังจะเป็นเจ้าสาว ออกงานสังคม รวมถึงคนที่กลับจากเที่ยวทะเล ลุยเขา เข้าป่า ใบหน้าที่ตากแดดนาน ๆ และคนที่ต้องการบำรุงใบหน้า ให้กระจ่างใสแบบเร่งด่วน

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

การดูแลผิวหน้าด้วยการทรีทเมนต์ของ Dermalogica จะเริ่มตั้งแต่การทำแผนที่สภาพผิว หรือ Face Mapping เพื่อเป็นการวิเคราะห์ผิวในเชิงลึก และเป็นการออกแบบทรีทเมนต์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวเราในแต่ละครั้ง เพราะผิวจะแตกต่างกันทุกครั้งที่มารับบริการ

เป็นคอร์สทรีทเมนต์ผิวหน้า 1 คอร์สที่สามารถทำได้มากถึง 10 รายการด้วยกัน โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรก Clean เป็นการทำความสะอาดผิวหน้า ด้วย Precleanse ที่ช่วยในการล้างเครื่องสำอาง และสารกันแดดได้อย่างสะอาด ล้ำลึก แล้วต่อด้วยการ Scrub เป็นการสครับผลัดเซลล์ผิว ให้หนังกำพร้า เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว หลุดออกอย่างง่าย แล้วตามด้วยการ Streaming พ่นไอน้ำ เพื่อการกระชับรูขุมขน และชำระล้างสิ่งสกปรกที่อุดตันผิว

ขั้นตอนถัดมา Acne clear จะทำการดูดสิว กำจัดสิวเสี้ยน ซึ่งจะช่วยทำให้หน้า มีความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็จะเป็นการนวดกดจุด ด้วยน้ำมันที่ผ่อนคลาย นวดยกกระชับผิวหน้า ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงด้วยเซรั่ม สูตรเข้มข้นพร้อมกับการใช้เครื่อง Facial Treatment เพื่อให้ครีมซึมเข้าผิวได้ล้ำลึก แล้วตามด้วยการ Mask 2 ขั้นตอน และบำรุงใต้ตา ด้วยเซรั่มเฉพาะจุด ทั้งบริเวณใต้ตา และร่องน้ำหมาก จากนั้น ปิดท้ายด้วยเซรั่มบำรุงทั่วใบหน้า และปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด

สำหรับผลิตภัณฑ์ทรีทเมนต์ Dermalogica ที่สถาบันเสริมความงามใช้ จะมี Precleanse, Special Cleansing Gel, Multivitamin Thermafoliant, Soothing Addictive, Oligopeptide Ionactive Serum, Colloidal Masque Base, Contour Masque, Multi Active Toner, C-12 Pure Bright Serum และ Solar Defines Booster เป็นต้น

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

ไม่ต้องพักฟื้น หลังจากทำเสร็จแล้ว สามารถทำกิจวัตรประจำวัน ออกไปเที่ยว เดินเล่นได้เลย แต่ให้เลี่ยงการออกแดดที่ร้อนจัด และนาน

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

ภายหลังจากการทำทรีทเมนต์ จะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ให้งดเว้นจากการใช้ครีม ที่มีส่วนผสมของเรตินเอ เป็นเวลา 72 ชั่วโมง หลังจากการทำทรีทเมนต์ผิวหน้า เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิว และรอยแดงได้

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

เมื่อจบทุกขั้นตอนการดูแลบำบัดผิวในครั้งแรก จะให้ความรู้สึกว่าผิวหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น มีความชุ่มชื้น นุ่มลึก รู้สึกได้ถึงสุขภาพผิวที่ดีขึ้นอย่างทันที ผลลัพธ์ของการบำบัดผิวด้วยทรีทเมนต์ Dermalogica จะแตกต่างจากทรีทเมนต์อื่น ๆ ทั่วไป เพราะเป็นการบำบัดผิวหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นผลัดเซลล์ผิว ทำความสะอาดผิว 2 ครั้ง การกดหรือบีบสิว การนวดและการมาส์กผิวหน้าที่ออกแบบมาเฉพาะ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง ช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดี เปล่งปลั่ง กระจ่างใสมากขึ้น ทั้งยังมีความชุ่มชื้น บำรุงผิวได้อย่างครบครัน อย่างไรก็ตาม เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ควรจะได้รับบริการทรีทเมนต์ Dermalogica ทุก ๆ 4 - 6 สัปดาห์ หรือช่วงเวลาที่ผิวชั้นนอก หรือชั้นหนังกำพร้าได้หลุดออก

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

การทำทรีทเมนต์ บำรุงผิวหน้า ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย อาจเลี่ยงการออกแดด และถูหน้าแรง ๆ ควรใช้ครีมบำรุงเป็นประจำทุกวัน ร่วมกับวิธีบำรุงผิวหน้าอื่น ๆ ส่วนความถี่ในการทำ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยปกติทั่วไป สามารถวัดช่วงระยะได้ ดังนี้

  • ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี อาจทำทุก 4 - 6 สัปดาห์ เป็นประจำ
  • ผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ อาจต้องทำ 3 ครั้งขึ้นไปต่อหนึ่งโปรแกรมทรีทเมนต์
  • การผลักวิตามิน อาจทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง นาน 3 สัปดาห์ขึ้นไป

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

1.หลังจากทำเสร็จแล้วอาจจะมีขุย หรือหน้าลอก ซึ่งใน 2 - 3 วันก็จะหายไป ในระหว่างนี้ ไม่ควรแกะ เกา และหมั่นทาครีมบำรุง รวมถึงครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

2.ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ๆ หลังการรักษา 24 ชั่วโมงแรก

3.รักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้สบู่อย่างอ่อน

4.ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ส่งผลต่อความเปล่งปลั่งของผิวพรรณ

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

โดยทั่วไปแล้ว หลังจากการทำทรีทเมนต์ ผิวหน้าจะดูใสขึ้นประมาณ 20 % แต่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากการมาทำซ้ำตามระยะเวลาของคอร์สการดูแลผิวหน้า ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน และวิธีการที่ดูแล ทั้งนี้ควรดูแลผิวหน้าด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย

ทางเลือกในการทรีทเมนต์ผิวหน้าด้วย กัวชา เพื่อขับสารพิษ และยกกระชับหน้า

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Gua Sha ในประเทศไทย

กัวซา หรือ Gua Sha คือ หินคริสตัล หรือหินหยกที่ใช้สำหรับการนวดหน้า เป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่ใช้ในการปรนนิบัติผิวมาอย่างยาวนาน โดยการลากหินไปตามผิวหนัง หรือผิวหน้าที่มีน้ำมันกัวซา เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต และลดการอักเสบให้กับใบหน้า ทำให้ใบหน้าเรียวกระชับมากขึ้น

Gua Sha เมื่อนำมานาบกับใบหน้า และนวดไปในทิศทางขึ้นบน จะทำการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การระบายน้ำเหลือง ช่วยคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้าด้วยความเย็นจากหิน นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การทำกัวซานั้น ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องหลอดเลือด การแข็งตัวของเลือด และมีภาวะเลือดออกง่าย ซึ่งห้ามทำกัวซาอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการทำกัวซานั้น มีความเกี่ยวพันกับระบบไหลเวียนของเลือด 

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

Gua Sha มีประโยชน์ในการช่วยขับสารพิษบนใบหน้า อันเป็นสาเหตุของสิว ฝ้า หน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ทั้งยังช่วยลบเลือนริ้วรอยแห่งวัย ไม่ว่าจะตรงที่ถุงใต้ตา หรือหางตา และร่องแก้ม นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิวหน้า และอวัยวะภายใน ด้วยการกระตุ้นเส้นชีพจรบนใบหน้า กระตุ้นการหมุนเวียนเลือด ทำให้ใบหน้าได้รับออกซิเจน และสารอาหารเต็มที่ รวมถึงการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า หนังตา แก้ม ปรับเปลี่ยนรูปหน้า ทำให้ผิวพรรณดูเต่งตึง สดใส และมีสุขภาพดี

Gua Sha นับว่าเป็นวิธีการบำบัดผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพ เพราะการทำกัวซาจะช่วยกระตุ้นเส้นประสาทส่วนปลาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และน้ำเหลืองให้ฉีดเข้าไปยังใต้ผิวหนัง ซึ่งส่งผลให้ใบหน้ากระจ่างใส ริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง รวมถึงจุดด่างดำ ที่ไม่ว่าจะเกิดจากสิว กระ หรือ ฝ้า ก็สามารถจางลงอย่างเห็นผลชัดเจน ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง เพราะการไหลเวียนของเลือดบนใบหน้าดีขึ้น จึงเกิดผลดีต่อสภาพผิวนั่นเอง

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

โดยปกติ ภายหลังจากการทำ Gua Sha จะเกิดจุด หรือรอยผื่นสีต่าง ๆ ตามผิวหนัง ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไปเองภายในระยะเวลา 3 - 7 วัน ความเร็วช้า จะขึ้นอยู่กับผื่นสีที่เกิดขึ้น หากเป็นสีชมพูอ่อนนั้น จะหายเป็นปกติได้เร็วที่สุด แต่ถ้ามีสีเข้ม ซึ่งยิ่งสีเข้มมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้เวลานานมากขึ้นเท่านั้น 

นอกจากนี้ หลังการทำกัวซา อาจมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อในผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และอาจมีอาการอ่อนเพลีย รวมถึงครั่นเนื้อครั่นตัวจากการอักเสบที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 - 2 วัน ในระหว่างนี้ ให้รับประทานยาบรรเทาอาการปวดไว้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการไข้สูง เจ็บปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ไม่ควรใช้ยาบรรเทาอาการเจ็บปวดด้วยตนเอง

ผลข้างเคียงหลัก ๆ จากการทำ Gua Sha คือ ชั้นผิวหนังมีความบอบช้ำ เกิดรอยแดง ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ สำหรับผู้มีผิวแห้งมาก และผู้ที่ไม่ได้ใช้ตัวประสานในการทำกัวซา อาจทำให้มีเลือดออกได้ รวมถึง รู้สึกอ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัวจากการอักเสบ

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

หากเกิดผลข้างเคียง สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลตามขนาดที่แนะนำได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น มีไข้สูง มีอาการอักเสบ บวม แดง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยทันที 

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

หลังจาก Gua Sha จะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และลดความตึงเครียดออกได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้ จะขึ้นอยู่กับเทคนิคการนวด ความหนักเบาของมือ และ ความขยันในการนวด โดยจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ได้แนะนำว่า หากอยากมีผิวหน้าที่สุขภาพดี เต่งตึง ดูกระชับ ให้ใช้กัวซานวดหน้าอย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง

 

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกอันดามันเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่และเป็นเกาะเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีสถานะเป็นจังหวัด โดยมีจำนวนอำเภอเพียงแค่ 3 อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้ และด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเกาะ จึงทำให้มีทะเลล้อมรอบ ภูเก็ตจึงมีชายหาดที่สวยงามเป็นจำนวนมากเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ เช่นหาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน และหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม และมีที่พักอยู่จำนวนมาก
ปัจจุบันภูเก็ตได้ริเริ่มโครงการยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก เนื่องจากภูเก็ตเองมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งถือเป็นระดับศูนย์โรงพยาบาลของภาคใต้ฝั่งอันดามัน โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต โรงพยาบาล สิริโรจน์ ที่มีชื่อเสียงและได้รับ การรับรอง มาตรฐาน JCI เป็นต้น

สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดภูเก็ต

หาดป่าตอง เป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักในเรื่องของแสงสีและแหล่งบันเทิงที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาพักผ่อนตลอดทั้งปี เนื่องจากมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บริษัททัวร์ แหล่งบันเทิง และอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกครบครันตั้งอยู่เรียงราย นอกเหนือ จากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจ เช่น บานาน่าโบ้ท เจ็ตสกี พาราชู้ต เป็นต้น
แหลมพรหมเทพ ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะเป็นแหลมโค้งทอดตัวลงสู่ทะเล สามารถเดินลงไปที่ปลายแหลมได้ เมื่อลงไปที่ด้านล่างจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เวลามีคลื่นซัดเข้ามากระทบก้อนหินจะเป็นฟองสีขาวดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิองศาจารย์ญาณมุณี พระครูผู้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองภูเก็ต จากเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์และคุณความดีของหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ในการเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านในการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ หากใครมาเที่ยวที่ภูเก็ตก็จะคงต้องแวะไปกราบไหว้หลวงพ่อแช่มเพื่อความเป็นสิริมงคล และเยี่ยมชมวัดที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดในเมืองภูเก็ต

การเดินทางในจังหวัดภูเก็ต

ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางภายในจังหวัดสะดวกมาก มีสนามบินนานาชาติที่มีไฟล์ทบินมาลงแทบจะทุกชั่วโมง มีบริการรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองภูเก็ต รถประจำทางแอร์พอตบัส รถเช่า เป็นต้น ส่วนการเดินทางภายในจังหวัด ก็มีรถตุ๊กๆ บริการภายในเขตเทศบาล หรือจะเช่าเหมารถตุ๊กๆ ไปยังสถานที่ต่าง ๆก็ได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง มีบริการรถสองแถวออกจากตลาดสดใกล้วงเวียนน้ำพุ ถนนระนอง ไปยังหาดและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะทางเหมือนกัน รวมไปถึงวินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น

ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดภูเก็ต

ประชากรแต่เดิมในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ เงาะซาไก และชาวยิปซีทะเล หรือ ชาวเล ต่อมาได้มีชาวอินเดีย ชาวไทย และชาวจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ ทำให้ภูเก็ตมีการผสมผสานและสืบต่อวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆเข้าด้วยกัน จนเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ตมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้มีประชากรหลั่งไหลย้ายเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภูเก็ตมีจำนวนประชากรแฝงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย

สภาพภูมิอากาศในจังหวัดภูเก็ต

ภูเก็ตมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนนั้นจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วง ที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ส่วนฤดูร้อนเริ่มในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย ประมาณ 33.4 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในเดือนมีนาคม ส่วนในเดือนมกราคมจะมีอุณภูมิต่ำสุด คือ 22 องศาเซลเซียส ในช่วงอากาศดีที่สุดจะอยู่ในช่วง เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน จะไม่มีฝน ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 31 องศาเซลเซียสเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

อื่น ๆ

ภาษา ที่ใช้ในการสื่อสารของคนภูเก็ตจะเป็นภาษาไทยใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ พูดไม่ออกเสียง ก เป็นตัวสะกด และมีภาษาจีนฮกเกี้ยนที่คนภูเก็ตเชื้อสายจีนจะใช้ในการสื่อสารกัน สำหรับคนที่ทำงานในวงการธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีและยังมีภาษาจีนและรัสเซียที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกเช่นกัน
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดภูเก็ต นอกจากภูเก็ตจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากมายแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องการแพทย์ เพราะมีโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI อย่างเช่น โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต และ โรงพยาบาล สิริโรจน์ อีกทั้งยังมีคลินิกเสริมความงาม และ คลินิกทันตกรรม หลากหลายแหล่งให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน