ศัลยกรรมแปลงเพศ (ชายเป็นหญิง) ใน บางกะปิ, กรุงเทพมหานคร

การผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิงนั้น เป็นความต้องการของสาวประเภทสองหลายคน ที่มีใจเป็นหญิง มีความรักสวย รักงาม การศัลยกรรมแปลงเพศ จึงเป็นการตอบปัญหา ด้านจิตใจ ของพวกเธอเหล่านั้น เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข กับวิถีชีวิต ที่ตนเองเลือก การผ่าตัดแปลงเพศ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับร่างกาย เนื่องจากการผ่าตัด จะเป็นการเปลี่ยนจากอวัยวะเพศชาย เป็นอวัยวะเพศหญิง โดยแพทย์เฉพาะทางที่ต้องมีความรู้ และเชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะและอวัยวะเพศชาย โดยเฉพาะ

การผ่าตัดแปลงเพศมีหลายวิธี ด้วยกันดังนี้

1.  Sigmiod Vaginoplasty คือ การผ่าตัดโดยใช้ ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นช่องคลอด เป็นวิธีการที่อาจใช้เป็นวิธีแรกในการผ่าตัด การผ่าตัดวิธีนี้สามารถให้ความเป็นผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากลำไส้จะมีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเหมือนมีช่องคลอดจริง ๆ หรือเป็นการแก้ไขช่องคลอดที่ตีบสั้น ที่ไม่สามารถร่วมเพศได้ ซึ่งจะตัดนำลำใส้ใหญ่มาบางส่วน ประมาณ 7-8 นิ้ว เพื่อสร้างเป็นผนังช่องคลอด

2. Penile skin invertionVaginoplasty คือ การผ่าตัดโดยการใช้ หนังหุ้มอวัยวะเพศชายมาทำเป็นช่องคลอด วิธีการนี้ เป็นวิธีการที่มีมาตราฐานได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อีกทั้งมีความปลอดภัยที่สุด ในการผ่าตัด และมีโอกาศติดเชื้อน้อยที่สุด วิธีการทำจะน้อยและใช้เวลาน้อย เพียงแค่ ประมาณ 4 ชั่วโมง ใช้เวลาในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 4 คืน

3. Peritoneal Vaginoplasty คือ การผ่าตัดโดยใช้ เยื่อผนังหน้าท้อง วิธีการนี้สามารถผ่าตัดได้ 2 วิธี คือ การผ่าตัดผ่านหน้าท้อง และผ่าตัดด้วยกล้อง ซึ่งจะได้รับความนิยมากกว่า เพราะไม่มีแผลเป็น วิธีการผ่าตัดอาจมีความซับซ้อนกว่าการใช้วิธีอื่น ๆ

4. Buccal Mucosa Vaginoplasty คือ การผ่าตัดโดยใช้ เยื้อบุช่องปาก กระพุ้งแก้ม มาทำเป็นช่องคลอด ซึ่งวิธีการนี้ เป็นวิธีที่ยาก ยังต้องใช้แพทย์ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ เฉพาะโครงสร้างหน้า มาทำการตัดใบหน้ามาทำ ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างละเอียดและยาก อย่างไรก็ตามวิธ๊การนี้ยังไม่นิยมโดยทั่วไปนัก

การผ่าตัดแปลงเพศนั้น เป็นการผ่าตัดที่ใช้เวลาในการผ่าตัด และถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วยพอสมควร และยังต้องมีการติดตามอาการและตรวจกับแพทย์ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่จะต้องติดตามอาการหลังจากการผ่าตัด เป็นระยะเวลาประมาณ 4-5 วัน แล้วจึงสามารถออกจากโรงพยาบาลไปพักฟื้นที่บ้านได้ โดยทั่วไปแล้ว โรงพยาบาลจะให้พักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่บ้านประมาณ 3 อาทิตย์ขึ้นไป แล้วจึงมาพบแพทย์อีกครั้ง เพื่อถอดไหมออกได้ และกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ เมื่อแผลหายดีแล้ว ในระยะเวลาประมาณ 4-6 อาทิตย์

1.  หลังจากการผ่าตัดในช่วง 1-2 วันแรก  ผู้ป่วยควรนอนหงาย และยกสะโพกให้สูง พร้อมทั้งแยกขาทั้ง 2 ออกจากกันเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวมได้

2. ผู้ป่วยสามารถนอนตะแคงในวันที่ 3 เป็นต้นไป

3.  งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ เพราะอาจทำให้เกิดการอยากถ่ายขึ้นในช่วง 1-3 วันแรก หลังจากผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้แผลปนเปื้อนในอุจจาระได้

4.  ในวันที่ 4 หลังจากการผ่าตัดแบบการใช้ หนังหุ้มอวัยวะเพศชายมาทำเป็นช่องคลอด  แพทย์จะถอดสายระบายเลือดเสียออก ถอดสายสวนปัสสาวะออก และเปิดแผลทำความสะอาด ซึ่งผู้ป่วยที่ผ่าตัดโดยใช้วิธีนี้ สามารถกลับบ้านได้ และหมอจะนัดให้กลับมาตัดไหมในวันที่ 7 อีกครั้ง ส่วนผู้ป่วยที่ผ่าตัดโดยการใช้ลำไส้ใหญ่ และผนังหน้าท้องมาทำเป็นช่องคลอด ยังจะต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้อยู่ อีกทั้งคนไข้ต้องนอนอยู่บนเตียงต่อไปจนถึงวันที่ 6 ของการผ่าตัด เพื่อลดการเคลื่อนไหว

5. สำหรับผู้ป่วยที่ผ่าตัดด้วยการนำลำไส้ใหญ่มาเป็นช่องคลอด จะยังต้องงดน้ำ และอาหารหลังจากการผ่าตัด จนมีการผายลมก่อน จึงสามารถจิบน้ำและรับประทานอาหารเหลวได้ และควรระวังในการรับประทานอาหารหากเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยและท้องอืดได้ ซึ่งผู้ปวยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

6. ผู้ป่วยจะต้องกลับมาพบแพทย์ เพื่อตัดไหม และขยายช่องคลอด โดยวิธีการของแพทย์ เพื่อรักษาความกว้าง และเพิ่มความลึกของช่องคลอด และผู้ป่วยควรหมั่นขยายช่องคลอด อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที พร้อมทั้งหมั่นทำความสะอาดแผลทุกวัน

7. ห้ามมีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน

8. มาพบแพทย์ทุก ๆ 1 สัปดาห์ หลังจากการผ่าตัด เพื่อติดตามอาการและตรวจภาวะต่าง ๆ จนครบ 1 เดือน เพื่อให้ผลในการผ่าตัด ออกมาอย่างสมบูรณ์และสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ มากที่สุด

ความสำเร็จในการผ่าตัดแปลงเพศนั้น มีสูงมากในทุกวันนี้ เนื่องจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ทันสมัย และฝีมือประสบการณ์ ของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การผ่าตัดแปลงเพศจากชายมาเป็นหญิง มีอัตราความสำเร็จมากกว่าการแปลงจากเพศหญิงมาเป็นเพศชาย และนี้จึงเป็นเหตุผลหลัก ที่สาวประเภทสองเลือกที่จะผ่าตัดแปลงเพศมากขึ้น แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น อย่างที่ทราบกันดีว่า การผ่าตัดก็มีข้อจำกัด และความซับซ้อนอยู่ไม่น้อย ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่า สภาพร่างกายพร้อมต่อการผ่าตัดครั้งใหญ่แล้วหรือยัง และยังต้องระวังภาวะแทรกซ้อน ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือมีอาการปวดอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ ยังต้องยอมรับในการมีรอยแผลเป็น อีกด้วย

ดังนั้นหากตัดสินใจและศึกษาข้อมูลของการแปลงเพศมกพอสมควร และเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ต่าง ๆ แล้ว ก็ลงมือทำได้เลย ความเป็นผู้หญิงรอคุณอยู่