Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

Dollars sign จองกับเราไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ค้นหาจากแผนที่

คลินิก / ร้าน อื่นๆ ที่มี เทคนิคการร้อยไหม

ธารารินคลินิก Tararin Clinic
ธารารินคลินิก Tararin Clinic
ธารารินคลินิก Tararin Clinic
ธารารินคลินิก Tararin Clinic
ธารารินคลินิก Tararin Clinic
Mordee เมืองขอนแก่น, ขอนแก่น
4.5 จาก 5
1 รีวิว
2024 ภาษาไทย ฟื้นฟูสภาพผม ศัลยกรรมตกแต่งความงาม เสริมความงาม รถรับ-ส่ง ที่สนามบิน รับรองเอกสาร ฟรี Wi-fi
ธารารินคลินิก ศูนย์ศัลยกรรมความงาม และเลเซอร์ Ulthera Theramage FLX HIFU เสริมจมูก ปรับรูปหน้า โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม เมโสหน้าใส Vaser ดูดไขมัน สลายไขมันทุกสัดส่วน ปลูกผม รักษาสิว เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์ลบรอยสัก เลเซอร์ลบรอยแผลเป็น เลเซอร์รักษาฝ้า-กระ รักษาสิว เลเซอร์หลุมสิว เลเซอร์กำจัดไฝ-ขี้แมลงวั... อ่านต่อ
ดูทั้งหมด
เทคนิคการร้อยไหม
ราคา ฿500 - ฿4,999

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ เทคนิคการร้อยไหม ใน ขอนแก่น

เทคนิคการร้อยไหม

การร้อยไหม หรือ Thread Lift คือเทคนิคการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว และลดเลือนริ้วรอยด้วยไหมละลาย ที่ส่วนใหญ่จะทำมาจาก Polydioxanone (PDO) ซึ่งทำให้หน้ามีความเรียวสวย โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้น ทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อย โดยมีวิธีการใช้ไหมเส้นเล็กจำนวนมากมาร้อยเป็นเครือข่าย บริเวณใต้ผิวหนัง

ส่วนบริเวณใต้ผิวหนังที่ได้ทำการร้อยไหมเข้าไป จะถูกกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ให้มาพันที่แนวรอบเส้นไหม เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และดึงรั้งผิวหน้า ให้ยกกระชับ เต่งตึง และตัวไหมสามารถสลายไปได้ภายใน 6 - 8 เดือน ไร้กังวลเรื่องสารตกค้างในร่างกาย

ปัจจุบัน การร้อยไหม มักจะใช้เป็น PDO Thread Lift ที่ได้พัฒนามาจาก PCL และ PLLA ซึ่ง PDO เป็นไหมที่นำมาใช้ในการเย็บเส้นเลือดหัวใจ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง และมีโอกาสแพ้น้อยมาก ทั้งยังผ่านการรับรองความปลอดภัยจากอย. ทั้งในและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ไหมทั้ง 3 ชนิดนี้ ก็มีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามจุดบริเวณที่ใช้ ดังนี้

PDO เหมาะสำหรับยกกระชับ ดึงหน้า เนื่องจากเนื้อไหมมีความแข็งแรงที่สุด

PCL และ PLLA เนื้อสัมผัสจะนิ่มกว่า เหมาะสำหรับร้อยในจุดบอบบางอย่าง เช่น ใต้ตา หรือจมูก เป็นต้น 

 

ชนิดของเส้นไหมที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน มี 3 แบบ

1.เส้นไหมเรียบ (Mono threads) ใช้ร้อยบริเวณคอ หน้าผาก และบริเวณใต้ตา เส้นไหมชนิดนี้จะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง แต่ไม่ได้ช่วยยกชั้นผิวหนัง

2.เส้นไหมเกลียว (Screw threads) ไหมสองเส้นที่เกลียวเข้าด้วยกัน ไหมชนิดนี้จะช่วยให้บริเวณผิวหนังที่ยุบตัวหรือเป็นแอ่งเพิ่ม หรือยกขึ้นมา เส้นไหมเกลียวจะให้ผลแข็งแรงกว่าไหมเส้นเรียบ และเหมาะกับการยกชั้นผิวหนังที่หย่อนยาน

3.เส้นไหมที่มีเงี่ยง (Cog threads) ไหมเส้นเดียวที่มีเงี่ยงตลอดแนวเส้นไหม เพื่อยึดเกาะด้านในชั้นผิวหนัง ไหมชนิดนี้จะช่วยยกเนื้อเยื่อหรือผิวหนังที่หย่อนยาน ยกกระชับบริเวณคาง และปรับรูปหน้าให้เรียว

 

ข้อดีของการร้อยไหม

1.ยกกระชับใบหน้า แก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย 

2.ลดเรือนริ้วรอยจุดต่าง ๆ 

3.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูสภาพผิว 

4.กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ให้นำไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีขึ้น 

5.เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนหลังทำเสร็จ และคงสภาพนานหลายปี

6.ไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย เนื่องจากไหมจะสลายได้เองภายใน 6 - 8 เดือน

7.แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น

 

ข้อเสียของการร้อยไหม

1.เจ็บเล็กน้อย อาจอาการบวมแดง รอยช้ำตามแนวการสอดไหม

2.ไหมอาจจะไม่ละลาย และจับตัวกันเป็นก้อน หรือมีหนองขึ้นตามไหม หากเจอคลินิกที่ใช้ไหมที่ไม่ได้คุณภาพ

3.การร้อยไหม ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าผิวหนังจะสามารถคงสภาพการกระชับได้นานแค่ไหน และไม่คงอยู่ถาวร

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

การร้อยไหม PDO Thread Lift ช่วยในเรื่องของการปรับใบหน้าเข้ารูป ยกกระชับ เรียวสวย ดูเต่งตึง และอ่อนวัย เป็นการดึงหน้าด้วยการร้อยไหม โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก คิ้วตก ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ปัญหาคางสองชั้น ช่วยยกมุมปาก ปัญหาผิวบริเวณหน้าอกหย่อนคล้อย

การร้อยไหม PDO เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 39 - 50 ปี และผู้ที่มีปัญหาการบกพร่องของผิว โดยที่ไม่มีเนื้อเยื่อยุบตัวมากเกินไป 

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

การร้อยไหม ไม่ต้องพักฟื้น แต่อาจจะเกิดอาการบวมช้ำเล็กน้อยในบางคน ระยะเวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง

ความรู้สึกขณะทำการรักษา กรณีทายาชาอย่างเดียว อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หรือเจ็บพอสมควร แต่ถ้าแพทย์ฉีดยาชาให้ จะทำให้เจ็บเล็กน้อย หรืออาจไม่เจ็บเลย

ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม : อาจเกิดอาการบวมแดง ตุ่มตามแนวร้อยไหม หรือ รอยช้ำ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 3 - 4 ชั่วโมง บางคนอาจไม่มีอาการบวมช้ำเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล 

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

1.ไม่ควรทำเลเซอร์หรือหัตถการใด ๆ กับใบหน้าประมาณ 2 สัปดาห์

2. ไม่ควรนวดหน้าแรง ๆ ในบริเวณที่ร้อยไหมประมาณ 2 เดือน

3. งดการใช้ยา และสารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Naproxen, Motrin, ASA วิตามินอี น้ำมันตับปลา เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

4. หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนท์ผิวหน้าทุกชนิด เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

5. งดทายาหรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือกรดวิตามินเอ ประมาณ 2 สัปดาห์

6. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ร้อนอบอ้าว และแดดจ้า

7. สามารถล้างหน้า แต่งหน้าได้ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และวันรุ่งขึ้นก็สามารถไปทำงานได้ตามปกติ

8. ไม่ควรขยี้หน้า หรือถูหน้าแรง ๆ 

9. ควรทานยาตามแพทย์สั่ง

10 .เลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA และ Retinoid 2 สัปดาห์

11. เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 2 วัน หลังการร้อยไหมยกกระชับ

12. เลี่ยงการออกกำลังกายจัด ๆ 

13. กลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาตามเวลานัดทุกครั้ง

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

การร้อยไหม PDO Thread Lift ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

1.ขนาดของเข็ม และความหนาของเส้นไหมจะมีผลต่อการยกกระชับผิว

2.ความยาวของเข็มและไหมที่ใช้ ไหมสั้น จะเห็นผลน้อยกว่า (การเลือกไหม ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะรายบุคคล)

3.เทคนิคการร้อยไหม ซึ่งมีเยอะกว่า10 แบบ ไม่ว่าจะเป็นการร้อยขึ้น การร้อยลง การร้อยแบบตาราง (crosshatch) การร้อยแบบด้น (sound wave) หรือ ร้อยแบบใส่ไหมตรง ๆ (fine thread lift, FTL) เป็นต้น

4.จำนวนเส้นไหมที่ได้ใส่บนใบหน้า ซึ่งแต่ละตำแหน่งบริเวณ แต่ละคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล

5.คนที่อายุต่ำกว่า 25 ปีลงไปไม่ควรทำ เพราะจะยังไม่พบการหย่อนคล้อย จะได้ผลในแง่ของการปรับรูปหน้ามากกว่า ไม่คุ้มค่าเงินที่เสียไป

6.ถ้าอายุมาก และมีผิวหย่อนคล้อย รวมทั้งมีการยุบตัวของผิว ต้องทำวิธีอื่นร่วมด้วย

 

ปกติผิวหน้าจะค่อย ๆ ตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และจะค่อย ๆ เห็นผลมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 เดือน และสามารถคงสภาพได้นานประมาณ 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไหมละลายชนิด PDO จะได้การรับรองความปลอดภัยจาก อย. แต่อนุญาตให้ใช้ในการเย็บแผลเท่านั้น ยังไม่รับรองวิธีการร้อยไหมเพื่อการยกกระชับผิว ทั้งในประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรป เพราะยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ที่แน่ชัดถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในระยะยาว

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดขอนแก่น

จังหวัดขอนแก่น เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นอีกจังหวัดหนึ่งของภูมิภาค นอกจากจะมีทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ในบริเวณศูนย์กลางของภาคอีสานแล้ว ยังเป็นจังหวัดศูนย์กลางทางการศึกษาและเทคโนโลยีของภูมิภาค เนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน ทั้งที่พักหลายระดับและบริการต่าง ๆจำนวนมาก มีทรัพยากรทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และด้านอื่น ๆ หลากหลายรูปแบบ และที่สำคัญคือเป็นที่ตั้งของสนามบิน จึงทำให้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นที่นิยมของคนไทยเดินทางเข้ามาทำการรักษา ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรมกับโรงพยาบาลหรือคลีนิคต่าง ๆที่นี่ 

สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดขอนแก่น

พระธาตุขามแก่น ตั้งอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม หนึ่งในปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดขอนแก่น และที่สำคัญ พระธาตุขามแก่นยังอยู่ในตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดและคำขวัญประจำจังหวัด เป็นที่เคารพทั้งชาวจังหวัดขอนแก่นเองรวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
เขื่อนอุบลรัตน์ แหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่มีชื่อเสียงของขอนแก่น เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของประเทศไทยเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  บริเวณเขื่อนนั้นถือว่ามีทัศนียภาพที่งดงามและมีเส้นทางเดินชมวิวทิวทัศน์รอบเขื่อน
บึงแก่นนคร เป็นบึงธรรมชาติขนาดใหญ่อยู่คู่เมืองขอนแก่นมาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สวยงาม มีเนื้อที่กว้างขวาง บรรยากาศดี มีถนนรอบบึงไว้สำหรับวิ่งออกกำลังกาย หรือปั่นจักรยาน และยังเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ เจ้าเพียเมืองแพน ผู้ก่อตั้งเมืองขอนแก่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้

การเดินทางในจังหวัดขอนแก่น

เราสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดขอนแก่นได้โดย รถยนต์เพราะขอนแก่นอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 449 กิโลเมตร แต่ก็ยังสามารถเดินทางมาได้โดยนั่งรถโดยสารประจำทาง รถไฟ หรือเครื่องบิน ซึ่งมีหลายสายการบินคอยให้บริการ ส่วนการเดินทางคมนาคมในเมือง ก็มีรถตุ๊กตุ๊ก รถสามล้อ รถสองแถว รถบัส รถประจำทาง และมีรถเมล์เล็กสู่อำเภอ ตำบล หมู่บ้านต่าง ๆ ตลอดวัน

ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดขอนแก่น

เป็นที่ทราบกันดีว่าขอนแก่นเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ศูนย์กลางของภาคอีสาน ทำให้มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นเป็นอันดับที่ 3 ของภาค อำเภอที่มีประชากรมากที่สุด คือ อำเภอเมืองขอนแก่น ส่วนอำเภอที่มีประชากรน้อยที่สุดคือ อำเภอเวียงเก่า 

สภาพภูมิอากาศในจังหวัดขอนแก่น

โดยทั่วไปมีสภาพภูมิอากาศเป็นแบบทุ่งหญ้าในเขตร้อน คือ มีฝนตกสลับกับแห้งแล้งได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ย 36.35 องศาเซลเซียส และมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยทั่วไปจะหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 15.4 องศาเซลเซียส

อื่น ๆ

การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดขอนแก่น เนื่องจากขอนแก่นมีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆภายในอำเภอเมืองครบครัน มีที่พักหลายระดับและบริการต่าง ๆ และที่สำคัญคือเป็นที่ตั้งของสนามบินทั้งหมดนั้นล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมศักยภาพทางการท่องเที่ยวของจังหวัดได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงการมีโรงพยาบาล คลินิก ชั้นนำที่หลากหลายทำให้ขอนแก่นเป็นเมืองที่มีความสำคัญในฐานะเมืองท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย