สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ เลนส์เสริม ใน จตุจักร, กรุงเทพมหานคร
ยุคปัจจุบัน คนไทยมีปัญหาสุขภาพสายตา เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น ยาว เอียง แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ต้องการสวมแว่นตาตลอด วิวัฒนาการทางการแพทย์จึง มีทางเลือกในการรักษา ที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่นการเลเซอร์ หรือ การผ่าตัดด้วยการใช้ใบมีดพิเศษ สำหรับวิธีที่ได้รับความนิยม เช่น LASIK, PRK และ Femto-LASIK เป็นต้น และอีกเทคนิคที่จะกล่าวถึง คือ การใส่เลนส์เสริมเข้าภายในตา และวิธีนี้จะทำให้ การมองเห็นดีขึ้น กว่าการรักษาสายตาด้วยวิธีอื่น ๆ
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การผ่าตัดใส่เลนส์เสริมในลูกตา แพทย์จะทำการเจาะรูเล็ก ๆ ที่บริเวณตา แล้วใส่เลนส์เสริมหน้าเลนส์แก้วตา เพื่อแก้ไขปัญหาทางสายตา ซึ่งวิธีนี้ เป็นการรักษาที่ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว ในปีค.ศ. 2005 ซึ่งมีความปลอดภัย และมีมาตรฐาน วัสดุที่ทำเลนส์ ICL ผลิตมาจาก Collamer® มีส่วนประกอบของ Co-polymer และ Collagen ซึ่งสารเหล่านี้ สามารถเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อในร่างกายของมนุษย์ ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือต่อต้าน และสามารถใส่อยู่ในตาได้ตลอดไป
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ขั้นตอนการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ต่อตาหนึ่งข้าง หากใส่เลนส์เสริมทั้งสองข้าง แพทย์จะทำการผ่าตัด ภายในวันเดียวกัน หลังจากการผ่าตัดเสร็จ ผู้ป่วยสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที และใช้เวลาในการพักฟื้นประมาณ 3-5 วัน และจะต้องมาพบแพทย์เพื่อดูอาการตลอด ดวงตาของผู้ป่วยจะหายสนิทได้ ภายในเวลา 1-2 เดือน แต่แพทย์จะให้ผู้ป่วยหยุดงาน เพื่อฟื้นฟูร่างกาย อย่างน้อย 5-7 วัน ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยง การทำกิจกรรมหนัก ๆ ซึ่งแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง ภายหลังจากออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ในช่วง 2-3 วันแรก ผู้ป่วยควรงดกิจกรรมหนัก ๆ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ เว้นจากการว่ายน้ำ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้ของเหลวไหลซึมเข้าไปในดวงตาของผู้ป่วย อาการเจ็บปวดอาจเกิดขึ้นได้เล็กน้อย ที่บริเวณดวงตา หรือมีอาการแสบร้อนตา ภายหลังจากทำหัตถการ อย่างไรก็ตามแพทย์จะจ่ายยาให้ผู้ป่วยรับประทาน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้ป่วย และผู้ป่วยควรมาพบ จักษุแพทย์อ ย่างน้อยปีละครั้งเพื่อดูอาการ
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
อย่างที่ทราบกันดีว่า การรักษาด้วยวิธีนี้ ได้รับการรองรับรองจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา จึงต้องมั่นใจได้ว่าเป็นการรักษา ที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย ดังนั้นอัตราความสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 99% และโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยจะได้รับความพึงพอใจ ในการรักษา
ถึงแม้ว่าการรักษาแบบนี้ จะมีความปลอดภัยก็ตาม ก็มีความเสี่ยง ที่อาจขึ้นได้เช่น การติดเชื้อ ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น การเป็นต้อกระจก และในบางราย อาจเกิดอาการปวดหัว หรือการมองเห็นไม่ชัด เป็นต้น