สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการดูดไขมันขา หมอดี (mordee)
เรื่องความสวยความงามเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหรือแม้กระทั่งผู้ชายในสมัยนี้ให้ความสำคัญไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องของหน้าตาเท่านั้นแต่รวมไปถึงการมีรูปร่างที่ดูดีได้สัดส่วน เพราะการมีรูปร่างที่ดีจะทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ดังนั้นเรื่องรูปร่างจึงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนในปัจจุบันให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่มั่นใจ คือ ส่วนของขา ไม่ว่าจะเป็นขาใหญ่ หรือไม่ขาหย่อนคล้อย ใครๆก็อยากที่จะมีขาที่สวย ดูดี เรียว กระชับ ไม่หย่อนคล้อย สิ่งที่ช่วยคุณได้ จากปัญหาต่างๆเหล่านี้ คือ การดูดไขมันขา
การดูดไขมันขา คือ การศัลยกรรมในรูปแบบหนึ่ง ในส่วนของขานั้น ทางแพทย์จะเปิดแผลเล็กเพียง 4-5 มิลลิเมตร สำหรับสอดท่อดูดไขมันขาเท่านั้น การดูดไขมันขาเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนที่เป็นที่นิยม และตอบโจทย์คนที่ออกกำลังกายแล้วสัดส่วนไม่ลดเป็นอย่างมาก จะช่วยลดไขมันส่วนขาหรือเซลลุไลต์ที่อยู่ร่างกายและช่วยลดสัดส่วนให้คุณได้เป็นอย่างมาก ราคาการดูดไขมันขานั้น มีราคาค่อยข้างแพงเลยที่เดียวก็ว่าได้ รูปแบบของการดูดไขมันขามีอยู่หลากหลายประเภท
- การดูดไขมันต้นขา คือ การศัลยกรรมช่วงต้นขา สะโพก หรือการดูไขมันช่วงต้นขา เพื่อให้ดูกระฉับในช่วงของต้นขา ขึ้น โดยประมาณราคาการดูดไขมันต้นขา อยู่ที่ 20,000-80,000บาท ตามแต่ละโรงพยาบาลหรือคลินิกศัลยกรรมทั่วไป และแล้วแต่อุปกรณ์เทคนิคของทางการแพทย์
- การดูดไขมันขาเรียว คือ การศัลยกรรมผ่าตัด ช่วงต้นขาถึงบริเวณช่วงเข่า หรือดูดไขมันช่วงขาให้ดูเรียว กระฉับ โดยค่าใช้จ่ายประมาณราคาการดูดไขมันขาเรียว อยู่ที่ 30,000-80,000บาท ตามแต่ละโรงพยาบาลหรือคลินิกศัลยกรรมทั่วไป และแล้วแต่อุปกรณ์เทคนิคของทางการแพทย์
- การดูดไขมันน่องขา คือ การศัลยกรรมผ่าตัดหรือดูดไขมันน่องขา เหมาะสำหรับคนที่มีน่องใหญ่ ที่เกิกจากพันธุกรรม หรือการออกำลังกายที่หนักอยู่เป็นประจำ จนทำให้เกิดน่องที่ใหญ่ โดยประมาณราคาการดูดไขมันน่อง อยู่ที่ 40,000-80,000บาท ตามแต่ละโรงพยาบาลหรือคลินิกศัลยกรรมทั่วไป และแล้วแต่อุปกรณ์เทคนิคของทางการแพทย์
Key point
- การดูดไขมันขาไม่ใช่การลดความอ้วน แต่เป็นการขจัดไขมันสะสมเฉพาะจุด ออกเท่านั้น
- การดูดไขมันขาจะช่วยให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และมีสุขภาพกายและใจที่เป็นปกติดี
- ราคาของการดูดไขมันขาจะมีราคาค่อยข่างแพงถึงแพงมาก
การดูดไขมันขามีขั้นตอนอะไรบ้าง/เตรียมตัวอย่างไร
ขั้นตอนในการดูดไขมันขา
การศัลยกรรมดูดไขมันขา เป็นการดูดเอาไขมันขา เซลลูไลต์ในส่วนของขา ส่วนที่ไม่ต้องการที่อยู่ในบริเวณนั้นๆในร่างกายออกด้วยท่อขนาดเล็กและอุปกรณ์สุญญากาศ โดยจะทำการดูดไขมันบริเวณที่ต้องการออก ขั้นตอนหลัก ๆ ของการดูดไขมัน ได้แก่
- ฉีดสารละลายน้ำเกลือ ซึ่งประกอบด้วยยาชาและอะดรีนาลีนเข้าไปในเนื้อเยื่อไขมันเพื่อช่วยระงับความรู้สึกและลดการเสียเลือด
- หลังจากการใส่ยาชาจนทั่วแล้ว จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมัน ด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ ซึ่งคลื่นอัลตราซาวน์จะส่งพลังงาน สั่นสะเทือนผนังของ เซลล์ไขมันให้แตกออก และสลายเป็นน้ำ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมืออัลตราซาวน์นี้ จะสามารถทำลายไขมัน โดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ เช่นเส้นเลือด หรือเส้นประสาทเลย
- เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออก โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
- เมื่อดูดไขมันขาในชั้นลึกออกหมด แพทย์ใช้วิธีแบบดั้งเดิมโดยการใช้การดมยาสลบ หรือเลือกวิธีปัจจุบัน โดยการดูดไขมันด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่เนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งการดูดไขมันเทคนิค Tumescent แล้วแต่เทคนิคและความถนัดของแพทย์ของแต่ละคน
- เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว แพทย์จะทำการเย็บแผล ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็ก และเย็บไม่เกิน 2 เข็ม
- หลังการผ่าตัด จะมีน้ำเกลือไหลออกมาจากแผลผ่าตัด ไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง เพื่อระบายน้ำเกลือและยาชาที่ค้างอยู่ในบริเวณที่ทำการรักษา
- หลังการรักษา แพทย์จะทำการทำความสะอาดบริเวณที่ผ่าตัด และ พันผ้าเพื่อกระชับผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัด ให้ยุบบวมและเข้ารูปที่สวยงาม
การเตรียมความพร้อมก่อนการดูดไขมัน
- ก่อนจะทำการดูดไขมันขา ต้องมีการปรึกษาพูดคุยกับศัลยแพทย์ถึงความคาดหวังและเป้าหมายของการศัลยกรรมดูดไขมัน
- เมื่อพบแพทย์ควรปรึกษา ถามคำถามหรือข้อสัยต่างๆ ให้ละเอียดรอบคอบ มีการตรวจสอบประวัติและตรวจสอบทางการแพทย์ต่าง ๆ
- เตรียมพร้อมร่างกายก่อนเข้ารับการทำการดูดไขมันขา งดเครื่องดื่มมึนเมา และสารที่ก่อให้เกิดความผิดปกติแก่ร่างกาย
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีการแพ้ยา หรือใช้ยาชนิดใดอยู่ เนื่องจากยาบางชนิดมีผลต่อการดูดไขมันขา อย่าง แอสไพริน หรือยาแก้ปวดบางชนิด อาหารเสริมบางชนิดที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา หรือน้ำมันตับปลา หรือวิตามินซี ควรที่จะต้องหยุดยาทั้งหมด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป ก่อนมาดูดไขมัน เพราะการดูดไขมันจะมีการใช้ยาชาจำนวนมาก และยาชาเหล่านั้นจะถูกกำจัดไปที่ตับ ถ้าตับยังต้องทำงานเพื่อกำจัดยาอื่นๆ ที่คนไข้ทานอยู่ด้วย ตับก็จะกำจัดยาชาได้ช้าลง ก็เป็นผลทำให้ยาชาเกิดเป็นพิษได้
*นอกจากนี้ หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังป่วย อาจเป็นข้อห้ามในการดูดไขมันขา
ระยะเวลาในการพักฟื้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่เข้ารับการดูดไขมันขาจะสามารถกลับมาทำงานได้ภายใน 1อาทิตย์ หลังจากดูดไขมันขาจะมีรอยแผลและอาการบวมจะปวดอยู่ประมาณ 1-3 วัน หลังจากนั้นก็สามารถกลับมาทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตเป็นปกติได้เลย แต่ระยะเวลาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
การดูแลสุขภาพหลังการดูดไขมันขา
การดูดไขมันขา คือการเอาส่วนไขมันที่ไม่ต้องการออกไปอย่างถาวร แต่ก็สามารถมีไขมันเพิ่มมาได้ใหม่ หรือมีน้ำหนักเพิ่มได้อีก หากไม่ดูแลการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายที่ดี หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องควบคุมการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่อไป หลังจากขั้นตอนการดูดไขมันเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์อาจให้สวมใส่ชุดบีบกระชับสัดส่วนเป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อช่วยในการควบคุมอาการบวมที่เกิดขึ้น และอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในบางราย
ผลข้างเคียงในการดูดไขมันขา
หลังจากการดูดไขมันขาเสร็จสิ้นเรียบร้อยจะเกิดอาการเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เช่น
- มีการบวมและช้ำ ซึ่งอาจเป็นนานถึง 6 เดือน
- มีอาการชา ซึ่งจะหายไปเองภายใน 6-8 สัปดาห์
- อาจมีรอยแผลเป็น
- เกิดการอักเสบในบริเวณที่รับการรักษา
- มีการสะสมของของเหลว เป็นถุงใต้ผิวหนัง
ในบางรายอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่ผิดพลาด ดังต่อไปนี้
- หลังจากการดูดไขมันขาแล้วเป็นก้อนไม่สม่ำเสมอ
- การเปลี่ยนแปลงของสีผิวในพื้นที่ที่ได้รับการรักษา
- ห้อเลือด
- เกิดอาการชาเป็นระยะเวลาหลายเดือน
- อาจสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในระหว่างขั้นตอนการดูดไขมัน เช่น เข็มหรือท่อแทงทะลุลำไส้
- ภาวะไขมันหรือลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
- ปอดบวมน้ำ หัวใจล้มเหลว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
นอกจากนั้น ขั้นตอนการรักษาอาจทำให้เกิดความเสี่ยง เช่น มีเลือดออกมาก เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ เกิดการติดเชื้อ หรือมีอาการแพ้ยาชา
มีทางเลือกอื่นๆในการทำศัลยกรรมดูดไขมันหรือเปล่า
แน่นอนว่าร่างกายของคนเรามีการสะสมไขมันในหลายๆส่วนของร่างกาย นอกจากการดูดไขมันขาแล้วนั้น ก็ยังมี การดูดไขมันแขน ,การดูดไขมันหน้าท้อง, การดูดไขมันก้น , การดูดไขมันเอว และ การดูดไขมันน่อง
การออกกำลังกายช่วยคุณได้
ออกกำลังกาย คือ การทำกิจกรรมหรือออกแรง เคลื่อนไหว สิ่งต่างๆของร่างกาย ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเดิน การวิ่ง หรือการทำกิจวัฏประจำวันต่างๆ เป็นต้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ โดยช่วยจัดระเบียบร่างกายและควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความทนทาน ความแข็งแรง การทรงตัว และความยืดหยุ่น เป็นต้น และการออกำลังกายนั้น ส่งผลให้มีหุ่นที่ดี และสัดส่วนที่ชัดขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินทำศัลยกรรมใดๆเลย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต
ภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกอันดามันเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่และเป็นเกาะเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีสถานะเป็นจังหวัด โดยมีจำนวนอำเภอเพียงแค่ 3 อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอเมือง อำเภอถลาง และอำเภอกะทู้ และด้วยลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเกาะ จึงทำให้มีทะเลล้อมรอบ ภูเก็ตจึงมีชายหาดที่สวยงามเป็นจำนวนมากเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ เช่นหาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน และหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม และมีที่พักอยู่จำนวนมาก
ปัจจุบันภูเก็ตได้ริเริ่มโครงการยกระดับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก เนื่องจากภูเก็ตเองมีความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งถือเป็นระดับศูนย์โรงพยาบาลของภาคใต้ฝั่งอันดามัน โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต โรงพยาบาล สิริโรจน์ ที่มีชื่อเสียงและได้รับ การรับรอง มาตรฐาน JCI เป็นต้น
สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดภูเก็ต
หาดป่าตอง เป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นที่รู้จักในเรื่องของแสงสีและแหล่งบันเทิงที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาพักผ่อนตลอดทั้งปี เนื่องจากมีร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บริษัททัวร์ แหล่งบันเทิง และอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกครบครันตั้งอยู่เรียงราย นอกเหนือ จากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจ เช่น บานาน่าโบ้ท เจ็ตสกี พาราชู้ต เป็นต้น
แหลมพรหมเทพ ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในประเทศไทย มีลักษณะเป็นแหลมโค้งทอดตัวลงสู่ทะเล สามารถเดินลงไปที่ปลายแหลมได้ เมื่อลงไปที่ด้านล่างจะเห็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต เวลามีคลื่นซัดเข้ามากระทบก้อนหินจะเป็นฟองสีขาวดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
วัดฉลอง หรือ วัดไชยธาราราม วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดภูเก็ต เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม หรือ พระครูวิสุทธิองศาจารย์ญาณมุณี พระครูผู้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองภูเก็ต จากเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์และคุณความดีของหลวงพ่อแช่มวัดฉลอง ในการเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านในการต่อสู้กับพวกอั้งยี่ หากใครมาเที่ยวที่ภูเก็ตก็จะคงต้องแวะไปกราบไหว้หลวงพ่อแช่มเพื่อความเป็นสิริมงคล และเยี่ยมชมวัดที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามที่สุดในเมืองภูเก็ต
การเดินทางในจังหวัดภูเก็ต
ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางภายในจังหวัดสะดวกมาก มีสนามบินนานาชาติที่มีไฟล์ทบินมาลงแทบจะทุกชั่วโมง มีบริการรถแท็กซี่เข้าตัวเมืองภูเก็ต รถประจำทางแอร์พอตบัส รถเช่า เป็นต้น ส่วนการเดินทางภายในจังหวัด ก็มีรถตุ๊กๆ บริการภายในเขตเทศบาล หรือจะเช่าเหมารถตุ๊กๆ ไปยังสถานที่ต่าง ๆก็ได้ ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง มีบริการรถสองแถวออกจากตลาดสดใกล้วงเวียนน้ำพุ ถนนระนอง ไปยังหาดและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะทางเหมือนกัน รวมไปถึงวินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดภูเก็ต
ประชากรแต่เดิมในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ เงาะซาไก และชาวยิปซีทะเล หรือ ชาวเล ต่อมาได้มีชาวอินเดีย ชาวไทย และชาวจีน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ ทำให้ภูเก็ตมีการผสมผสานและสืบต่อวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆเข้าด้วยกัน จนเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูเก็ตมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้มีประชากรหลั่งไหลย้ายเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภูเก็ตมีจำนวนประชากรแฝงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย
สภาพภูมิอากาศในจังหวัดภูเก็ต
ภูเก็ตมี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน และฤดูฝน ซึ่งฤดูฝนนั้นจะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วง ที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ส่วนฤดูร้อนเริ่มในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย ประมาณ 33.4 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในเดือนมีนาคม ส่วนในเดือนมกราคมจะมีอุณภูมิต่ำสุด คือ 22 องศาเซลเซียส ในช่วงอากาศดีที่สุดจะอยู่ในช่วง เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน จะไม่มีฝน ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 31 องศาเซลเซียสเหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
อื่น ๆ
ภาษา ที่ใช้ในการสื่อสารของคนภูเก็ตจะเป็นภาษาไทยใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ พูดไม่ออกเสียง ก เป็นตัวสะกด และมีภาษาจีนฮกเกี้ยนที่คนภูเก็ตเชื้อสายจีนจะใช้ในการสื่อสารกัน สำหรับคนที่ทำงานในวงการธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีและยังมีภาษาจีนและรัสเซียที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกเช่นกัน
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดภูเก็ต นอกจากภูเก็ตจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากมายแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องการแพทย์ เพราะมีโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI อย่างเช่น โรงพยาบาล กรุงเทพ ภูเก็ต และ โรงพยาบาล สิริโรจน์ อีกทั้งยังมีคลินิกเสริมความงาม และ คลินิกทันตกรรม หลากหลายแหล่งให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน