สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ ใน กรุงเทพมหานคร
การผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติ หรือ การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขค่าสายตาให้แก่ผู้ที่ไม่ต้องการใส่แว่น หรือคอนแทคเลนส์ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัย โดยสามารถแก้ไขได้หลายวิธี รวมไปถึงการผ่าตัดเพื่อทำให้กระจกตาเปลี่ยนแปลงรูปร่าง การใส่เลนส์แก้วตาเทียม ซึ่งวิธีที่พบมากที่สุดในปัจจุบันคือ การใช้แสงเอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) มาปรับความโค้งของกระจกตาทำให้แสงที่ตกกระทบที่ผิวกระจกตาหักเหโฟกัสไปที่จอประสาทตาพอดี ซึ่งสามารถแก้ไขความผิดปกติของสายตาต่างๆ เช่น สายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง
การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ สามารถทำได้ในผู้ที่มีระดับสายตาผิดปกติที่ปานกลางและไม่มีปัญหาในการมองเห็นผิดปกติ ผู้ที่เหมาะสมสำหรับการรักษาควรมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีระดับค่าสายตาคงที่ในรอบปีที่ผ่านมา และไม่มีปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับสายตา และโรคอื่นๆ เช่น มีแผลที่กระจกตา โรคเบาหวาน และต้อหิน เป็นต้น
ในผู้ป่วยบางรายยังคงต้องมีการใส่แว่นในขณะทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การขับรถในเวลากลางคืน หรือสวมใส่แว่นกันแดดเพื่อหลีกเลี่ยงแสงจัด โดยเมื่อคุณตัดสินใจทำการรักษาจะต้องผ่านการตรวจและได้รับการประเมินจากจักษุแพทย์แล้วเท่านั้น
การผ่าตัดแก้ไขสายตาในเด็กสามารถทำได้ในกรณี โดยเฉพาะในเด็กบางรายที่มีภาวะการหักเหแสงที่ผิดปกติที่ส่งผลต่อการมองเห็น หรือพัฒนาการทางสายตาที่ผิดปกติ ภาวะตาขี้เกียจ และตาเข ซึ่งควรได้รับการผ่าตัดแก้ไขซึ่งก็อาจมีอัตราความเสี่ยงอื่นร่วมด้วยมากกว่าที่พบได้ในผู้ใหญ่
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งมีวิธีต่างๆที่เป็นที่นิยมดังนี้
-
เลสิก (Lasik or laser in-situ keratomileusis) เหมาะสำหรับคนที่มีสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง โดยการใช้ใบมีด microkeratome หรือ เฟมโตเซเคินเลเซอร์ (femtosecond laser) แยกชั้นกระจกตา และปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาทำให้แสงที่ตกกระทบที่ผิวกระจกตาหักเหโฟกัสไปที่จอประสาทตาพอดี
-
การเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม (RLE) ซึ่งเป็นการรักษาที่คล้ายกันกับการผ่าตัดต้อกระจก โดยแพทย์จะทำการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาที่เสื่อมสภาพแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้น หรือยาวมากๆ ผู้ที่มีความหนาของกระจกตาน้อย หรือโรคตาอย่างอื่นที่ไม่รุนแรง เช่น ตาแห้ง เป็นต้น
-
PRELEX (Presbyopic lens exchange) วิธีนี้สามารถใช้ในการรักษาภาวะสายตายาวตามวัย หรือสูญเสียความยืดหยุ่น โดยแพทย์จะทำการเปลี่ยนเลนส์แก้วตาที่เสื่อมสภาพแล้วแทนที่ด้วยเลนส์แก้วเทียมชนิดโฟกัสหลายระยะลงไป
-
PIOL (An aphakic intraocular lens) วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นเกินไปที่จะทำเลสิก โดยแพทย์จะทำการใส่เลนส์แก้วตาเทียมลงไปในม่านตา หรือ หลังช่องกลมตรงกลางม่านตา โดยที่ยังคงรักษาเลนส์แก้วตาตามธรรมชาติไว้ในตำแหน่งเดิม
-
LRI (Limbal relaxing incisions) เป็นวิธีที่ใช้ในการรักษาสายตาเอียง โดยแพทย์จะทำการผ่ากระจกตาเพื่อทำให้มีรูปโค้งและกลมขึ้น
โดยปกติแพทย์จะทำการใช้ยาชาเฉพาะที่หรือดมยาสลบขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา หรือคนไข้สามารถขอยากล่อมประสาทอ่อนๆหากเกรงว่าจะเกิดความกลัวในระหว่างการผ่าตัดร่วมกับการหยอดยาชาเฉพาะที่ ยกเว้นการผ่าตัดในเด็กที่ต้องใช้การดมยาสบเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นต้น
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการพักฟื้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธีการรักษา โดยการทำเลสิก สามารถกลับไปทำงานได้อย่างเป็นปกติภายใน 1 สัปดาห์ และอาจใช้ระยะเวลาโดยประมาณสูงสุดถึง 6 เดือน ซึ่ง การทำ PRK อาจใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่า หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการข้างเคียง ได้แก่ เคืองตา แสบตา และน้ำตาไหลได้
โดยทั่วไปผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถมองเห็นได้ทันทีและเห็นความเปลี่ยนแปลงขึ้นหลังจากการผ่าตัดได้ภายใน 2-3 วันแรก
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ควรต้องมาตรวจหลังการผ่าตัดเพื่อติดตามผลการรักษา โดยแพทย์จะสอบถามอาการ ผลข้างเคียงต่างๆ และพิจารณาการรักษา แต่โดยปกติแล้วแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและข้องดเว้นหลังการรักษาอยู่แล้ว ไม่ควรอาบน้ำทันทีหลังการผ่าตัด ห้ามขยี้ตา หรือกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองตาในช่วงอาทิตย์แรก งดการแต่งหน้ารอบดวงตา ห้ามโดนน้ำหรือสบู่ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่เพราะสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองตาได้จากควัน ควรงดออกกำลังกายในสามวันแรก และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงยกเยอะ เช่น ฟุตบอล เทนนิส โยคะ การเต้นแอโรบิค เป็นต้น
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
มีอัตราความสำเร็จสูงมาก และอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่นภาวะความผิดปกติของสายตา และได้ผลดีมากกว่าในคนที่มีภาวะสายตาสั้นไม่รุนแรง โดยจากการศึกษาพบว่ามีอัตราสูงสุดถึง 95%
อาการข้างเคียงหรือปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้หลังการผ่าตัดเลสิก เช่นอาจมีกระจกตาขึ้นฝ้า ภาวะการเห็นถดถอย เห็นภาพลวงตา เนื้อเยื่อเสียหาย หรือมีวิสัยทัศน์ที่แย่กว่าเดิม และเกิดการอักเสบได้
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง