สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ใน วัฒนา, กรุงเทพมหานคร
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เป็นการตรวจหาความผิดปกติหรือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ภายในลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ของผู้ป่วย เป็นวิธีการตรวจที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ในการประเมินปัญหาในลำไส้ใหญ่ ซึ่งกล้องที่ใช้เรียกว่า colonoscope มีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็ก และ ยาว มีความยืดหยุ่น ที่ปลายท่อมีกล้องวิดีโอและดวงไฟขนาดเล็กติดอยู่ กล้องจะบันทึกภาพในลำไส้ใหญ่จะแล้วปรากฏบนจอโทรทัศน์ จะได้ภาพที่ตมชัด สามารถบันทึกได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากกว่าการทำเอกซเรย์
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
แพทย์จะฉีดยาคลายความกังวลเข้าทางเส้นเลือดดำ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกง่วงและผ่อนคลาย และบางครั้งอาจมีการใช้ยาชาทั่วไป แพทย์จะทำการตรวจทวารหนักโดยการ ใส่นิ้วที่สวมถุงมือยางและทาเจลหล่อลื่นแล้ว ในช่องทวารหนักของผู้ป่วย แล้วจากนั้นแพทย์ จะสอดใส่กล้องส่องตรวจเข้าไปค่อย ๆ อย่างระมัดระวัง แล้วเลื่อนกล้องเข้าไปจนถึงส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ ผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกคล้ายปวดอุจจาระ ระหว่างที่กล้องอยู่ในลำไส้ใหญ่ แพทย์จะสามารถมองเห็นสภาพลำไส้ทั้งหมด ถ้าหากพบก้อนเนื้อที่น่าสงสัย แพทย์จะทำการตัดก้อนเนื้อนั้นเพื่อนำไปตรวจโรค
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
ภายหลังการตรวจลำไส้เสร็จแล้วผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ แต่ควรพักผ่อนอย่างน้อย 1 วัน ภายหลังจากการส่องกล้อง แล้วจึงสามารถกลับไปทำงานได้ในวันถัดไป ผู้ป่วยอาจรู้สึกมีแก๊สหรือท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดมวนท้องเล็กน้อย หรืออาจเป็นตะคริว หลายชั่วโมง ผู้ป่วยอาจมีเลือดปนอุจจาระมาได้เล็กน้อย ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ภายหลังการตรวจลำไส้ด้วยการส่องกล้องแล้ว ให้ผู้ป่วยพยามเดิน เพื่อลดอาการไม่สบายตัว เมื่อผายลมแล้วจะรู้สึกดีขึ้น สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติและออกกำลังกายได้ภายในสองสามวันหลังจากการตรวจ แต่ผู้ป่วยอาจต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาเจือจางเลือด
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ มีอัตราความสำเร็จมากกว่า 90% ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ มีเลือดออกในลำไส้, มีอาการปวดท้องรุนแรง, หนาวสั่น, ไข้ และมีเลือดออกทางทวารหนักออกมามาก ควรรีบพบแพทย์ แต่อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงและความเสี่ยงเหล่านี้ เป็นสิ่งที่พบได้ยากมาก
การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy ) ดีไหม ?
การบำบัดและการล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ หรือ Colon Hydrotherapy เป็นการทำความสะอาดลำไส้หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าการ “ดีท็อกซ์ลำไส้” ด้วยการใช้น้ำสะอาดเข้าไปบำบัด และล้างสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะช่วยรักษาสมดุลให้ลำไส้ โดยการใช้เครื่องมือเฉพาะ ซึ่งสามารถปรับระดับ รวมไปถึงควบคุม อุณหภูมิและแรงดันน้ำให้เหมาะสมแก่การชำระล้างได้ ซึ่งอุณหภูมิที่ใช้กันในปกตินั่นจะอยู่ที่ 37.5 ถึง 38.5 องศา
ทั้งนี้ทั้งกระบวนการจะใช้น้ำประมาณ 24 ลิตร ด้วยระบบ Reverse Osmosis ทำให้น้ำที่ได้มีความบริสุทธิ์ และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเมื่อปล่อยน้ำเข้าสู่ร่างกายแล้ว น้ำจะเข้าไปชำระล้างสิ่งสกปรก เช่น กากอาหาร และสารพิษต่าง ๆ ที่ตกค้างในร่างกาย ถือเป็นการช่วยให้ลำไส้สุขภาพดี และมีความสะอาดมากขึ้น
ส่วนสาเหตุหลักจำเป็นต้องมีการบำบัดและล้างสารพิษนั่นก็เพราะ ของเสียในสำไส้ใหญ่นั้น ไม่สามารถถูกขับออกมาได้ทั้งหมด เนื่องจากลักษณะที่มีความยาว และขดเคี้ยวไปมา ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งปฏิกูลไม่ว่าจะเป็น พยาธิ น้ำเมือก แบคทีเรีย กากอาหาร ที่สะสม จนส่งผลให้ส่งกลิ่นเหม็น รวมถึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
ใครบ้างที่เหมาะแก่การทำ การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)?
ในสังคมไทยปัจจุบันอาจจะมีบางคนที่กำลังประสบกับภาวะร่างกายมีปัญหาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหากมีอาการตามหัวข้อต่อไปนี้ ทุกท่านสามารถเข้าพบแพทย์ เพื่อขอคำปรึกษา และสามารถใช้บริการได้ทันที
-
มีอาการขับถ่ายยาก ขับถ่ายไม่เป็นเวลา และมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ
-
มีผิวหน้าที่ไม่กระจ่างใส และอาจจะมีสิวเห่อขึ้น
-
ผิวหนังไม่ชุมชื้นและแห้งเหี่ยว
-
มีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ และอ่อนเพลียตลอดเวลา
-
นอนหลับได้ยาก และรู้สึกง่วงซึมไม่สดใสหลังจากตื่นนอน
-
ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ปกติ สังเกตจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
-
มีกลิ่นตัวแรง รวมถึงมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์
-
ปัสสาวะสงกลิ่นเหม็นฉุน
ใครบ้างที่ไม่ควรทำ การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)?
โดยทั่วไปแล้วการทำหัตถการนี้ สามารถทำได้ในทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งในกรณีของผู้สูงอายุ และผู้มีปัญหาสุขภาพควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการทำหัตถการนี้ และหากมีอาการตามด้านล่างนี้ ควรจะหลีกเลี่ยงการทำหัตถการนี้ หรือรับการปรึกษาจาแพทย์อย่างใกล้ชิด ดังนี้
-
เด็ก และสตรีมีครรภ์
-
ผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีอาการไม่คงที่
-
ผู้ป่วยโรคความดันที่ยังไม่สามารถควบคุมอาการได้
-
ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง
-
ผู้ป่วยที่ภาวะช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)
-
ผู้ป่วยที่มีแผลในลำไส้ใหญ่ และผู้ที่มีภาวะลำไส้ใหญ่อุดตันแบบ Complete Obstruction
-
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย
-
ผู้ป่วยที่ตรวจผลมะเร็งลำไส้ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการทำหัตถการเกี่ยวกับช่องท้อง
-
ผู้ที่เป็นริดดีดวงอักเสบ มีภาวะบวมแดง และถ่ายเป็นเลือด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)
ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธี Colon Hydrotherapy ควรงดรับประทานอาหารก่อนการเข้ารับบริการ อย่างนั้น 2 ชั่วโมง และในขณะที่ทำการสวนล้างลำไส้นั้นจะมีการปวดอุจจาระเป็นปกติ ตามจังหวะการปล่อยน้ำ ซึ่งหลังจากการบำบัดภายใน 15 ถึง 30 นาที อาจจะปวดอุจจาระอีกอย่างน้อย 1 ถึง 2 ครั้ง หากต้องใช้เวลาในการเดินทางกลับที่พัก หรือไปทำธุระที่อื่น ควรวางแผนเผื่อเวลาไว้เพื่อขับให้เรียบร้อย
ผลลัพธ์ที่ดีหลังจากการทำ การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)
หลังจากการทำ Colon Hydrotherapy แล้วทุกคนจะสามารถเห็นผลได้ทันที ทั้งระบบขับถ่ายที่มีการทำงานที่ดีขึ้น ทำให้สารพิษในร่างกายลดลง ร่างกายดูสดใสขึ้น รวมไปถึงระบบภายในเช่น ระบบไหลเวียนโลหิต และการเต้นของหัวใจ และที่สำคัญคือทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี สามารถผ่อคลายได้มากขึ้น
ผลข้างเคียงหลังจากการทำ การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy)
หลังจากการบำบัดอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย และง่วงนอนซึ่งเป็นอาการที่พบได้ปก รวมไปถึงการมีโอกาส ถ่ายต่อเนื่อง หรือไม่เลยหลังทำการบำบัดไป 1 วัน เนื่องจากร่างกายกำลังอยู่ในภาวะปรับตัว โดยแพทย์จะให้ Probiotic มารับประทาน เพื่อปรับสมดุลลำไส้
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy) เป็นการสวนล้างลำไส้ทางทวารหนักแบบระบบปิด ซึ่งสามารถช่วยลดกลิ่นอับ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ด้วยความปลอดภัยในระดับสูงภายใต้การดูแลของแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และส่งผลให้ระบบย่อยอาหาร รวมถึงการดูดซึมอาหารสามารถทำได้อย่างดีขึ้นอีกด้วย
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
สำหรับการบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy) ไม่จำเป็นต้องทำการพักฟื้นหลังการเข้ารับหัตถการ อย่างไรก็ตามการดูแลตัวเองเช่น การออกกำลังกาย และทานของที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถส่งผลควบคู่ไปกับการทำการบำบัด ก่อให้เกิดสุขภาพที่มีขึ้นได้
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
หลังจากการเข้ารับ การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy) นั้นอาจจะต้องระมัดระวังในเรื่องของอาการเพลียที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติได้ แต่กระนั้นอาการดังกล่าวก็จะหายไปได้เองในเวลาไม่นาน รวมถึงควรทานอาหารรสอ่อน พร้อมดื่มเกลือแร่และน้ำขิง นอกเหนือจากนั้นก็ถือว่าเป็นการรักษาที่ค่อนข้างจะสะดวก และไม่จำเป็นต้องดูแลเรื่องใดเป็นพิเศษ
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
การบำบัดและล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ (Colon Hydrotherapy) เป็นหัตถการที่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นจึงมีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก และควรจะทำประมาณสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประวัติของบุคคลและดุลพินิจของแพทย์อีกด้วย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเขตวัฒนา
เขตวัฒนา เป็นหนึ่งในห้าสิบเขตของกรุงเทพมหานคร เป็นเขตศูนย์กลางทางธุรกิจ การค้า การบริการ และการทูต ตั้งอยู่ในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ นับว่าเป็นเขตที่มีการเจริญเติบโตและการขยายตัวของสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างรวดเร็ว มีการคมนาคมและระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน เรือโดยสารและรถโดยสาร โดยมีถนนสุขุมวิท ถนนอโศกมนตรี ถนนทองหล่อ ถนนเอกมัย และถนนปรีดีพนมยงค์ เป็นถนนสายหลักเชื่อมโยงแหล่งธุรกิจพาณิชยกรรมในพื้นที่ นอกจากนี้ก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร มีร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง รวมถึงสถานพยาบาลและคลินิกเสริมความงามต่าง ๆที่เป็นที่นิยมและรู้จักเป็นอย่างดีของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บางกอกสไมล์ คลินิกทันตกรรม โรงพยาบาลสุขุมวิท เป็นต้น
สถานที่ยอดนิยมในเขตวัฒนา
วัดธาตุทอง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา วัดธาตุทองแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นวัดที่มีความสำคัญต่อพระบรมวงศานุวงศ์ไทยหลายพระองค์ และสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายเพราะเป็นวัดที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเอกมัย สามารถเข้าไปไหว้พระทำบุญได้ทุกวันตั้งแต่ 6.00-17.00 น.
ซอยคาวบอย เป็นย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืนในกรุงเทพมหานคร เป็นซอยสั้นๆ ประกอบไปด้วยบาร์ต่าง ๆ กว่า 40 บาร์ การบริการเน้นไปที่ลูกค้านักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทย บาร์เกือบทั้งหมดในซอยคาวบอยจะเป็นรูปแบบบาร์อะโกโก้ สามารถเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอโศก และรถไฟฟ้า สถานีสุขุมวิท ใกล้กับโรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม
พิพิธภัณฑ์เรือนคำเที่ยงหรือ พิพิธภัณฑ์บ้านคำเที่ยง เป็นเรือนเครื่องสับแบบล้านนาไทยดั้งเดิมหรือที่รู้จักกันว่า "เรือนกาแล" เป็นเรือนเก่าแก่อายุร้อยกว่าปี จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้และศิลปวัตถุของชาวล้านนาตามวิถีชุมชนเกษตรกรรมในชนบทเมื่อครั้งอดีต ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 21 ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสถานีอโศก
การเดินทางในเขตวัฒนา
มีตัวเลือกที่หลากหลายในการสัญจรภายในเขตวัฒนา ทั้งโดยทางรถยนต์เพียงแต่ว่าจะมีความหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วนเช่นในตอนเช้ากับช่วงหัวค่ำ, รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิท สถานีเอกมัย-สถานีทองหล่อ-สถานีพระโขนง-สถานีอโศกและสถานีพร้อมพงษ์ของรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สถานีสุขุมวิทของรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล, รถเมล์, วินมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น ทั้งนี้ยังเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้ในจุดที่ใช้บริการทางพิเศษได้ง่ายอีกด้วย
ประชากรหรือผู้คนในเขตวัฒนา
ประชากรหรือผู้คนส่วนใหญ่ในเขตวัฒนามีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมระดับปานกลางถึงระดับสูง มีการผสมผสานกันในด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรมเพราะในอดีตหลังจากมีการตัดถนนการคมนาคมที่สะดวกขึ้น ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาซื้อที่ดินและอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามา ทำให้มีการผสานชุมชนดั้งเดิมในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ร่วมกับผู้ที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาใหม่ตามแนวความเจริญของถนนสายหลัก
สภาพภูมิอากาศในเขตวัฒนา
สภาพอากาศทั่วไปในกรุงเทพมหานครจะไม่แตกต่างกันมากนัก มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม