ภาวะเหงื่ออกมากผิดปกติ ใน บางนา, กรุงเทพมหานคร

ภาวะออกเหงื่อมากผิดปกติ เกิดจากร่างกาย ขับเหงื่อออกทางผิวหนังในปริมาณมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาจเกิดจากความบกพร่อง ของระบบประสาท ระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ ซึ่งภาวะเหงื่อออกมาผิดปกติ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งมือ ใบหน้า หนังศรีษะ และแขน ซึ่งจะถูกควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติก ส่งผลให้อาการเหล่านี้ มักมีอาการเหงื่อออกมาก ในช่วงกลางวัน แต่จะไม่มีเหงื่อออกขณะนอนหลับ

ขั้นตอนการรักษาภาวะเหงื่อออกมาผิดปกติ มีดังนี้

• แพทย์จะเริ่มการผ่าตัด ด้วยการฉีดยาชา หรือให้ยาสลบ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บ ในระหว่างการผ่าตัด

• จากนั้น แพทย์จะเริ่มทำการเปิดแผล ตามบริเวณหน้าอกล่างใต้วงแขน เพื่อใส่กล้อง และใช้เครื่องมือผ่าตัดต่าง ๆ ในการรักษา

• แพทย์สามารถใช้เครื่องมือ ตัดหรือยึดเส้นประสาท ตามบริเวณที่ต้องการรักษา ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ของผู้ป่วยแต่ละคน

ระยะเวลาหลังการผ่าตัด อาจต้องใช้เวลานาน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ของผู้ป่วยแต่ละราย บางคนใช้เวลาในการพักฟื้น เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ป่วยควรให้ความสำคัญคือ งดอาบน้ำในอ่างอาบน้ำ หรือใช้ฝักบัว และงดกีฬาว่ายน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด

หลังการผ่าตัด แพทย์จะแนะนำเกี่ยวกับการดูแล หลังผ่าตัดอย่างละเอียด ผู้ป่วยหมั่นทานยาให้ครบ และพบแพทย์ตามที่แพทย์ ได้นัดไว้ หากผู้ป่วยต้องการออกกำลังกาย ควรออกกำลังกาย ในท่าที่เหมาะสม หรือสามารถปรึกษากับแพทย์ได้ นอกจากนี้ ยังมีวิธีการดูแลตนเองอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยควรให้ความสำคัญอีกด้วย ได้แก่ 

• สวมใส่เสื้อผ้า ที่สบายต่อผิว ระบายเหงื่อได้ดี
• อาบน้ำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น หากมีเหงื่อออกมาก
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ ชดเชยเหงื่อที่เสียไป 
• ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ที่มีรสจัด หรือลดอาหาร ที่ส่งผลให้มีกลิ่นทางเหงื่อ เช่น กระเทียม ต้นหอม และหัวหอม เป็นต้น

การรักษาภาวะเหงื่อออก มากผิดปกติ เป็นขั้นตอนการรักษา ที่มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จสูงมาก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก ต่อกระบวนการรักษานี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียง และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างการผ่าตัด ซึ่งอาการดังกล่าวนั้น ได้แก่ มีเลือดออก ติดเชื้อ เหงื่อออกมากผิดปกติตามบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ปอดแฟบ โรคปอดบวม โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจวาย เป็นต้น