ให้คำปรึกษานรีเวช ใน ดุสิต, กรุงเทพมหานคร

สูตินรีเวช คือ ศาสตร์การแพทย์สาขาหนึ่งที่ดูแลรักษาเกี่ยวกับระบบสืบพันธ์ในเพศหญิง อาทิ การตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง ได้แก่ ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ, การติดเชื้อในช่องคลอด, เนื้องอกในมดลูก, มะเร็งที่เกิดขึ้นภายในอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง และโรคที่เกี่ยวกับประจำเดือนผิดปกติ ตลอดจนการบริการตรวจภายในและให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ผู้หญิงเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิงที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูตินรีเวชคือ สูตินรีแพทย์ และพยาบาลเฉพาะทางด้านสูตินรีเวช เป็นต้น

โรคหรือภาวะความผิดปกติเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง มีอะไรบ้าง?

1. ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ซึ่งอาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมนผิดปกติ, เยื่อบุโพรงมดลูกหนา หรืออักเสบ, เนื้องอกในมดลูก, ช็อกโกแลตซีสต์, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็ง ของมดลูก เป็นต้น
2. อวัยวะสืบพันธุ์ผิดปกติเช่น รังไข่ปกติ, เยื่อพรหมจารีไม่เปิด, ไม่มีช่องคลอด และ มีมดลูกสองอัน  เป็นต้น
3. ภาวะประจำเดือนมาผิดปกติเช่น ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่ากำหนด ประจำเดือนมาสองรอบ ประจำเดือนมาไม่ทุกเดือน หรือประจำเดือนขาดเป้นเวลานน ประจำเดือนมามากหรือน้อยกว่าปกติ และการปวดท้องขณะมีประจำเดือน
4. ความผิดปกติในการตั้งครรภ์ เช่น การแท้ง, การตั้งครรภ์นอกมดลูก, การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก, รกเกาะต่ำ, การตั้งครรภ์แฝด, ภาวะครรภ์เป็นพิษ และการคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น
5. เนื้องอกของ อวัยวะ สืบพันธุ์ เช่น ช็อกโกแลตซีสต์ เป้นต้น
6. เนื้องอกชนิดร้าย หรือมะเร็ง ของอวัยวะสืบพันธุ์ ภายนอกเช่น มะเร็งที่ ช่องคลอด, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งที่ เยื่อบุโพรงมดลูก และกล้ามเนื้อมดลูก มะเร็งรังไข่ และท่อนำไข่
7. การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
8. โรคติดเชื้อ ที่อวัยวะสืบพันธุ์ และการอักเสบ เช่น โรคซิฟิลิส, ตกขาวผิดปกติ, แผลริมอ่อน, หนองใน, กามโรคที่ต่อมน้ำเหลือง, หูดหงอนไก่, เริมที่อวัยวะเพศ เป็นต้น
9. กระบังลมหย่อน

การตรวจภายใน มีขั้นตอนอะไรบ้าง

เมื่อคุณเข้ารับการตรวจภายในครั้งแรกเพื่อให้การตรวจภายในมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ควรเข้ารับการตรวจในช่วงมีประจำเดือน โดยให้เข้ารับการตรวจหลังจากที่ประจำเดือนมาจนหมดสนิทประมาณ 1 สัปดาห์ หรือเข้ารับการตรวจภายในช่วงก่อนมีประจำเดือนรอบถัดไปประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะว่าช่วงที่มีประจำเดือนจะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่า นอกจากนี้คุณจะต้องรู้แนวทางการปฏิบัติตนก่อนตรวจภายในดังนี้

1. 1ก่อนเข้ารับการตรวจภายใน ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด หรือใช้ยาเหน็บทางช่องคลอดก่อนการตรวจภายใน 2 วัน
2. 2หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้ารับการตรวจภายใน
3. 3สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำให้ใส่กระโปรง และไม่ควรนุ่งกางเกงที่รัดจนเกินไป
4. 4ในกรณีมีประจำเดือน และปวดท้องประจำเดือนมากจนทนไม่ไหว และต้องการตรวจภายในวินิจฉัย สามารถมาพบแพทย์โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหยุดก่อน
5. สำหรับที่มีปัญหาตกขาว สามารถตรวจได้โดยไม่ต้องพยายามชำระล้างเพื่อให้แพทย์เห็นปริมาณและตรวจหาเชื้อได้
6. ไม่จำต้องโกนขนบริเวณอวัยวะเพศ
7. 7. ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้ไม่ปวดปัสสาวะในระหว่างการตรวจภายใน
8. ถ้าหากคุณไม่เคยตรวจภายในมาก่อน หรือคุณยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และรู้สึกอายที่จะตรวจภายใน คุณสามารถแจ้งพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจโดยแพทย์ผู้หญิงได้ โดยทั่วไปแล้วหากเป็นแพทย์ผู้ชายก็จะมีพยาบาลผู้ช่วยซึ่งเป็นผู้หญิงภายในห้องตรวจด้วย

บางคนอาจจะสงสัยว่า ตรวจภายในครั้งแรกเจ็บหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะสอบถามก่อนเข้ารับการตรวจ และจะเลือกใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็ก หรือใส่น้ำยาหล่อลื่น เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ แต่อาจรู้สึกตึงๆ เจ็บๆ ขณะที่สอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอด แต่หลังจากตรวจภายในเสร็จสิ้นแล้ว อาการเหล่านั้นก็จะหาย

เมื่อคุณเข้าไปรับบริการตรวจภายในตามสถานพยาบาลแล้ว กระบวนการตรวจภายในโดยสูตินรีแพทยืจะมีขั้นตอนดังนี้

• ก่อนตรวจภายในแพทย์สูติ-นรีเวช ต้องซักประวัติคนไข้ วินิจฉัยอาการก่อนว่า จำเป็นต้องตรวจภายในหรือไม่
• หากจำเป็นต้องตรวจ แพทย์ต้องขออนุญาตคนไข้ ซึ่งคนไข้ต้องสมัครใจที่จะรับการตรวจ
• ในการตรวจภายใน ทั้งจากแพทย์ผู้หญิง หรือแพทย์ผู้ชาย ต้องมีบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นผู้หญิงอยู่ด้วย
• ผู้ช่วยที่เป็นผู้หญิงจะเป็นคนดูแลผู้ป่วยในการเปลี่ยนชุดในกรณีไม่ได้ใส่กระโปรงมา หากผู้ป่วยเขินอายสามารถขอที่ปิดตาได้ หรือก่อนรับการตรวจภายใน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจภายในกับสูตินรีแพทย์ผู้หญิงได้
• การตรวจภายในต้องตรวจบนเตียงขาหยั่ง โดยแยกขาออกจากกัน เพื่อให้สูตินรีแพทย์สามารถทำการตรวจได้อย่างสะดวก
• เมื่อแพทย์เข้ามาในห้องตรวจแล้ว แพทย์จะทำการตรวจภานในโดยมีขั้นตอนต่อไปนี้
• อันดับแรกคือจะเริ่มจากมองดูอวัยวะภายนอกว่ามีความผิดปกติหรือไม่
• จากนั้นจะใช้ เครื่องมือที่เรียกว่า สเปคคูลัม หรือปากเป็ดตรวจ โดยแพทย์จะต้องขออนุญาตคนไข้ก่อนใส่เครื่องมือ 
• เมื่อตรวจด้วยเครื่องมือแล้ว แพทย์จะขออนุญาตคนไข้ใช้นิ้วมือใส่เข้าไปตรวจในช่องคลอด รวมถึงคลำบริเวณหน้าท้อง
• การตรวจภายในไม่มีการใช้ถุงยางอนามัย เว้นแต่ทำอัลตร้าซาวด์

โดยหลักการแล้ว สูตินรีแพทย์แนะนำให้ผู้หญิงอายุ 25-30 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีคุณมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย สามารถเข้ารับการตรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้อายุถึง 25 ปี โดยแนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภายในอวัยวะสืบพันธุ์ แม้จะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ดังนั้นการตรวจภายในจึงเป็นการป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่นการตรวจภายในเพื่อหาความผิดปกติของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานหรือไม่ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ หากไม่การอักเสบรุนแรง เป็นต้น

เวลาพักพื้นหลังการตรวจภายใน

หลังจากที่คุณเข้ารับการตรวจภายในแล้ว ถ้าหากไม่พบความผิดปกติใดๆ ก้ไม่ต้องพักฟื้น โดยคุณสามารถกลับบ้านหรือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นต่อได้เลย แต่ถ้าตรวจพบความผิดปกติภายในขึ้นมา ก็จะต้องทำการรักษาอย่างเร็วที่สุด เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคที่ตรวจพบนั้นๆ สำหรับระยะเวลาการพักฟื้นหลังการรักษาทางสูตินรีเวช จะขึ้นอยู่กับโรคหรือภาวะความผิดปกติที่เจอ ถ้าไม่รุนแรง ส่วนใหญจะพักอยู่ที่โรงพยาบาล 1-3 คืน เช่น การทำคลอด การผ่าตักช็อคโกแลตซีสตื เป็นต้น แต่ถ้าเป็นการรักษาโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งปากมดลู อาจจะใช้เวลาการพักฟื้นหลังการักษาตั้งแต่ 3 คืนจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับอายุและสุขภาพของคนไข้รายนั้นด้วย และถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูก ก็จะต้องเข้าับการบำบัดโดยการฉายแสง หรือคีโม ซึ่งระยะเวลาในการพักฟื้นหลังการฉายแสงหรือทำคีโมจะใช้ระยะเวลานานจนกว่าร่างกายของคนไข้จะกลับมาเป็นปกติ

การดูแลสุขภาพหลังการตรวจภายใน

หลังจากที่คุณเข้ารับการตรวจภยใน ถ้าไม่พบความผิดปกติใดๆ ให้คุณดูแลสุขภาพตามปกติ เช่นการพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ ให้คุณป้องกันตัวเองด้วยการรับประทานยาคุมฉุกเฉินทุกครั้ง และให้คู่รักของคุณสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น อาการตกขาว หรือโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิสต์ เอชไอวี 

แต่ถ้าตรวจพบเจอความผิดปกติหลังการตรวจภายใน ก็ให้ทำการรักษาอาการนั้นๆอย่างเร็วที่สุด โดยคุณจะต้องดูแลตัวองหลังจากเข้ารับการรักษาโดยการ รับประทานอาหารและยาที่แพทย์จัดให้อย่างเคร่งครัด ทานยาให้ตรงเวลา หมั่นดูแลและรักษาความสะอาดของอวัยวะภายในอยู่เสมอ

อัตราประสบความสำเร็จ

ส่วนใหญ่แล้ว การตรวจภายในมีอัตราความสำเร็จจะมีอัตราประสบความสำเร็จใกล้เคียงกับผลข้างเคียงเพราะว่าผู้หญิงหลายๆคนมีปัญหาเรื่องอวัยวะสืบพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยแบ่งเป็นผู้ที่เข้าตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆอยู่ที่ 50% โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ยังไม่อายุมาก แล้วทำการตรวจภายในตั้งแต่แรก โอกาสที่จะไม่พบความผิดปกติมีสูง เพราะได้ดูแลสุขภาพภายในมาเป็นอย่างดี

ส่วนผลข้างเคียงของการตรวจภายในนั้น ปัจจุบันการตรวจภายในเป็นการตรวจทางการแพทย์ที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่บางครั้งเมื่อเข้าตรวจแล้วอาจทำให้ผู้เข้ารับการตรวจเกิดความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ไม่สบายตัว ในขณะสอดเครื่องมือหรือการคลำของแพทย์ แต่อาการจะหายไปหลังการตรวจเสร็จสิ้น ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆมาจากการตรวจพบความผิดปกติ เช่น การตรวจเจอช็อคโกแลตซีสต์ เมื่อเข้ารับการรักษาแล้ว จะมีอัตราความสำเร็จในการรักษาได้หายขาดอยู่ที่ 70% หรือการรักษาภาวะปวดประจำเดือนหรือประจำเดือนมาไม่ปกติ จะมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 70% เช่นเดียวกัน ดังนั้น อัตราความสำเร็จของการรักษาโรคหรือความผิดปกติต่างๆจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญได้แก่ อายุ สุขภาพพื้นฐาน พฤติกรรมของผู้ป่วย ฯลฯ

มีการรักษาทางสูตินรีเวชทางเลือกอื่นๆหรือไม่

การรักษาทางสูตินารีเวชจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคซึ่งการวินิจฉัยแต่ละโรค โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสูตินรีแพทย์ ซึ่งเป็นแพทย์ที่เรียนจบมาทางด้านเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงทั้งหมด ซึ่งในทาง สูตินรีแพทย์นี้สามารถตรวจรักษาและวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง เช่น การตรวจอัลตร้าซาวด์, การตรวจภายใน, การตรวจมะเร็งปากมดลูก, ตรวจการตั้งครรภ์, ตรวจรักษา โรคเกี่ยวกับอวัยวะภายใน เช่น ปากช่องคลอด มดลูก ปากมดลูก ปีกมดลูก อุ้งเชิงกราน หรือตรวจรักษาเนื้องอก เช่น เนื้องอกในมดลูก ถุงน้ำรังไข่, ตรวจรักษามะเร็งในระบบภายในของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็ง เยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น รวมไปถึงการตรวจดูแลรักษา รับฝากครรภ์ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์, การตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยง, การทำคลอดธรรมชาติ และผ่าตัดคลอด การวางแผนการมีบุตร ปรึกษาการมีบุตรยาก และยังสามารถ ให้การปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการคุมกำเนิด, เรื่องฮอร์โมนผิดปกติ อาการวัยทอง เป็นต้น ซึ่งการรักษา ก็มีตั้งแต่ การใช้ยา หรือการผ่าตัดตามความเหมาะสมอาการของคนไข้ และดุลยพินิจของแพทย์

ลำดับการตรวจภายในจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงแรกแพทย์จะใช้อุปกรณ์ที่คล้ายปากเป็ด หรือที่เรียกว่า speculum กับการใช้นิ้วตรวจภายในช่องคลอด ในส่วนของการใส่อุปกรณ์ปากเป็ดแพทย์จะเลือกใช้ตามความเหมาะสม ใส่เข้าไปในช่องคลอด เมื่อได้ตำแหน่งแพทย์จะกางอุปกรณ์ออกเพื่อดูผนังช่องคลอด ดูปากมดลูก และหากตรวจมะเร็งปากมดลูก ในช่วงเวลานี้แพทย์จะเอาอุปกรณ์เข้าไปเก็บเซลล์ปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจคัดกรองในห้อง lab ต่อไป

เราจะเห็นได้ว่าโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงนั้น ค่อนข้างอันตรายและน่ากลัว ดังนั้นคุณผู้หญิงควรมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และมั่นตรวจสุขภาพภายในของสตรีทุก ๆ ปี เพราะหากมีอะไรผิดปกติ แพทย์สามารถรักษาได้ทันท่วงที

อย่างไรก็ตามการตรวจภายในไม่ได้เป็นน่ากลัวอย่างที่ใครหลายคนคิด หากเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนั้น แนะนำให้สาวๆ ละทิ้งความอาย และเข้ารับการตรวจภายในพร้อมคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี เพื่อลดโอกาสเสี่ยงโรคร้าย