สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ การผ่าตัดไต ใน กรุงเทพมหานคร
การผ่าตัดไต (Nephrectomy) คือ การผ่าตัดเพียงบางส่วนของเนื้อไต หรืออาจจะผ่าตัดไต ข้างใดข้างหนึ่งออกทั้งหมด หรืออาจจะเป็นการผ่าตัดไต เพียงแค่หนึ่งข้างเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะใช้การรักษาด้วยวิธีนี้ ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และได้ลามไปทั่วทั้งไต จนเกินที่จะรักษาด้วยวิธีอื่น หรืออาจจะเป็นโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับไต เพื่อที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของไต ออกไปให้ได้นานที่สุด จะมีบางกรณี เป็นการผ่าตัดเพื่อการเปลี่ยนไต และปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาค
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
การผ่าตัดไต สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
- การผ่าตัดแบบดั้งเดิม (Conventional open surgery) โดยใช้หลักการแบบการผ่าตัดใหญ่ วิธีนี้จะใช้เวลาในการพักฟื้นนาน แผลหายช้า แพทย์จะวางยาสลบ และฉีดยาชา แล้วทำการกรีดแผลผ่าตัดที่ผิวหนัง มีความยาว 8-12 เซนติเมตร ที่ตำแหน่งด้านข้างของลำตัว เพื่อให้การผ่าตัดรบกวนอวัยวะ ภายในช่องท้องน้อยที่สุด บางครั้งแผลผ่าตัด อาจจะเลยมาทางด้านหน้า หรือเลยไปทางด้านหลัง แล้วแต่ดุลยพินิจของแพทย์ ผู้ทำการผ่าตัด
- การผ่าตัดโดยใช้กล้อง (Laparoscopic surgery) ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมมาก เป็นวิธีที่ปลอดภัย และใช้เวลาในการพักฟื้นสั้นกว่า แบบดั้งเดิม การผ่าตัดโดยใช้กล้อง แพทย์จะเริ่มด้วยการ กรีดแผลผ่าตัดเล็ก ๆ รวม 4 ตำแหน่ง ที่บริเวณผนังหน้าท้อง เพื่อสอดใส่เครื่องมือผ่าตัด ก็จะมีกล้อง และอุปกรณ์ช่วยผ่าตัดชนิดต่าง ๆ เมื่อผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะพิจารณา เปิดแผลกว้างอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อนำไตออกนอกร่างกาย
ในการผ่าตัดทั้ง 2 วิธี ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดยาสลบ และจะทำการใส่ท่อช่วยหายใจ โดยวิสัญญีแพทย์ หลังจากนั้น แพทย์ก็จะทำการตัดเอาไต รวมทั้งเนื้อเยื่อ รอบ ๆ บริเวณนั้น รวมไปถึง ต่อมหมวกไตข้างเดียวกัน หลังจากเสร็จแล้ว ก็จะทำการใส่สายระบายน้ำเหลือง และเศษเลือดภายในออกมา ทางผนังหน้าท้อง และจะถอดสายระบายออกเมื่อครบ 7 วัน
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องนอนพักรักษาตัว ในโรงพยาบาลประมาณ 1-2 สัปดาห์ สำหรับกรณีที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ก็ได้แก่ เลือดออกในช่องท้อง หรือแผลผ่าตัด เกิดรอยรั่วเข้าไปในช่องปอด ระหว่างผ่าตัด ทำให้ปอดแฟบ แผลผ่าตัดติดเชื้อ เป็นต้น
หลังจากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน ก็จะนัดตรวจหนึ่งสัปดาห์ เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย ของแผลผ่าตัด และเพื่อทำการประเมิน ผลการผ่าตัด โดยทั่วระยะเวลาในการพักฟื้นก็จะอยู่ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับวิธีในการผ่าตัด หลังจากนั้น ก็สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ที่อันตราย เช่น การออกกำลังกายแบบหักโหม ยกของหนัก เป็นต้น
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
ขั้นตอนในการดูแลและการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดไต
- ระมัดระวังในเรื่องของความสะอาด อากาศ อาหารและน้ำดื่มเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดแผลติดเชื้อ ในช่วง 3 เดือนแรก
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกิน 10 กิโลกรัม อาจจะทำให้แผลฉีกขาดได้
- ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ และหมั่นสังเกตแผล หากมีอาการบวมแดง ให้รีบพบแพทย์ทันที
- ไปพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- สามารถที่จะออกกำลังกายได้ แต่ต้องเป็นกีฬาที่เบา ๆ ไม่เสี่ยงต่อการกระแทกช่วงอกและช่องท้อง
โดยปกติแล้วหลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจะเริ่มฟื้นตัว และสามารถกลับไปทำงานได้ หลังจากครบ 3 สัปดาห์ และต้องหมั่นตรวจสุขภาพของไต และการทำงานของไต เป็นระยะ ๆ ต้องดูแลเรื่องอาหาร กินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ เพื่อให้ไตที่มีแค่ข้างเดียว แข็งแรงและทำงานได้ตามปกติ
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
ส่วนใหญ่แล้ว การผ่าตัดไต จะมีความปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อย และมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 95% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ ที่อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น แผลอาจจะเกิดการติดเชื้อ หรือบางกรณีก็อาจจะ มีอาการแพ้ยาสลบได้เช่นเดียวกัน
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง