สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ รักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ ใน ปทุมธานี
รักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ หรือ Wrinkle Treatment with stem Cells คืออะไร ?
รักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ (Wrinkle Treatment with stem Cells) หรือการทำทรีทเมนท์ชะลอวัยด้วยสเต็มเซลล์ คือการทำหัตถการชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหน้าโดยการใช้ส่วนประกอบหลักก็คือ สเต็มเซลล์ (stem Cells) นั่นเอง
Stem Cells สำคัญแค่ไหน และมีหน้าที่อย่างไร ?
สเต็มเซลล์ (Stem Cells) นั้นจริง ๆ แล้วคือ องค์ประกอบภายในของร่างกายของเรานั่นเอง ซึ่งลักษณะของสเต็มเซลล์มีความพิเศษที่สามารถเปลี่ยนรูปร่าง เพิ่มจำนวน และพัฒนา รวมถึงปรับเปลี่ยนเป็นเซลล์อื่น ๆ ได้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดการฟื้นฟูร่างกาย ทำให้สเต็มเซลล์นั้นถูกนำมาใช้ในการทำทรีทเมนท์ชะลอวัย
โดยปกติแล้วสเต็มเซลล์ของร่างกายจะอยู่ในไขกระดูก และเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาใช้งานด้วย สัญญานเตือนจากโปรตีนไซโตไคน์ในระบบภูมิคุ้มกัน
หลังจากที่ถูกปล่อยออกมานั้นสเต็มเซลล์จะทำหน้าที่ แบ่งตัวกลายเป็นเซลล์เฉพาะ ต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ ณ ขณะนั้น เพื่อทำการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย
วิธีการทำการรักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ Wrinkle Treatment with stem Cells
ในขั้นตอนแรกศัลยแพทย์จะต้องเก็บสเต็มเซลล์จากผู้เข้ารับการบริการ และส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดสเต็มเซลล์ ทำการบำบัดและตรวจสอบ จากนั้นก็ส่งคนให้กลับผู้เข้ารับบริการ พร้อมด้วยการบอกปัญหาหลักที่สำคัญ และตามด้วยการประเมินชนิดของสเต็มเซลล์ที่จำเป็น และเริ่มทำการฉีดเสต็มเซลล์ ซึ่งหากเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความแม่นยำอาจมีการนำอุลตร้าซาวด์มาระบุตำแหน่งอีกด้วย
ประโยชน์ของการรักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ (Wrinkle Treatment with stem Cells)
นอกจากริ้วรอยต่าง ๆ ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังมีส่วนช่วยเพิ่มพลังในร่างกาย ระบบการทำงานภายใน ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเกิดจากการพัฒนาของสเต็มเซลล์ที่ได้รับเพิ่มเข้าไปในร่างกายอีกด้วย เช่น ช่วยลดการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ข้อต่อและหลัง รวมถึงการเพิ่มภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย
ตำแหน่งของการฉีดสเต็มเซลล์
ตำแหน่งของการฉีดสเต็มเซลล์ที่นิยม สำหรับการลดริ้วรอยและชะลอความอ่อนวัยนั้น แบ่งออกเป็น 2 ตำแหน่ง นั่นคือ
1.ผิวหน้าที่ประสบปัญหาอย่างเด่นชัด
เป็นการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง เพื่อลดริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส รวมไปถึงบริเวณใกล้เคียง เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หน้าผาก และคอ เป็นต้น
ซึ่งต้องใช้จำนวนสเต็มเซลล์เริ่มต้นถึง 5 ล้านเซลล์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้า และการประเมินของแพทย์
2. หลอดเลือดดำเพื่อเป็นทางผ่านสู่ร่างกาย
การฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เพื่อทำให้ผิวพรรณกลับมากระชับ แลดูอ่อนวัย พร้อมความขาวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง เรียบเนียนทั่วเรือนร่าง
ซึ่งต้องใช้จำนวนสเต็มเซลล์ เริ่มต้นตั้งแต่ 15 ถึง 20 ล้านเซลล์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการประเมินของแพทย์
การใช้สเต็มเซลล์แตกต่างกับการใช้ยาอย่างไร ?
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างการใช้ยา และการใช้สเต็มเซลล์บำบัด นั่นคือ ยา ถูกใช้อย่างจำเพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มอาการใดอาการหนึ่ง ในขณะที่สเต็มเซลล์คือ การใช้เซลล์บำบัดในศาสตร์ของเวชศาสตร์การชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ อีกทั้งยังไม่ต้องรอให้มีอาการเจ็บป่วยก่อนที่จะใช้สเต็มเซลล์อีกด้วย
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
โดยสรุปแล้วการรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ Stem Cells ในการซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหน้า และผิวกายให้มีความอ่อนวัยโดย Stem Cells ที่นิยมนำมาใช้นั้นได้มาจากหลายรูปแบบ เช่น เซลล์ของตัวเอง (autologous) เซลล์ของคนอื่น (allogeneic) หรือเซลล์ของสัตว์ (xenotherapy) เช่น embryonic stem cell ซึ่งได้มาจากตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนอกจากความสวยงาม สเต็มเซลล์ยังถูกนำมาใช้รักาาโรคอีกหลายโรค เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ข้อเข่าเสื่อม ดรคเบาหวาน เป็นต้น
ในด้านความงามนั้นเซลล์ที่นิยมนำมาใช้นั่นคือ เซลล์ต้นกำเนิดของร่างกาย หรือ Mesenchymal Stem Cells (MSCs) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ได้มาจากไขมัน รก และไขกระดูก ซึ่งสามารถใช้เป็นเซลล์บำบัดได้อย่างกว้างขวาง
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากทำการรักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์แล้ว ผู้เข้ารับบริการจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ในทันที แต่ก็ต้องมีการดูแลเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ที่ดีเช่นกัน
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
หลังจากการเข้ารับ Wrinkle Treatment with stem Cells สิ่งควรปฏิบัติเพื่อรักษามีดังนี้
-
งดอาหารรสจัด หลังทำเซลล์บำบัด 14 วัน
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอในปริมาณอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
-
งดการดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ หลังได้รับสเต็มเซลล์
-
งดการออกกำลังกายที่หักโหมมากเกินไป
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
โดยส่วนใหญ่แล้วหลังจากได้รับสเต็มเซลล์ก็จะสามารถเห็นผลได้ภายในทันที โดยจะค่อย ๆ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 2 ถึง 3 วันแรก และสามารถเห็นผลชัดเจนได้ภายใน 1 ถึง 2 เดือน ซึ่งผลการรักาาจะเห็นชัดเพียงใดขึ้นอยุ่กับแต่ละบุคคล และควรรับบริการทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานีเป็นหนึ่งในจังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญในด้านต่าง ๆเป็นอย่างมาก เป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของภูมิภาค มีมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาต่าง ๆอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วย มรดกทางศิลปะวัฒนธรรมและเอกลักษณ์อื่น ๆโดยเฉพาะวัฒนธรรมของชาวมอญ และด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร มีการคมนาคมที่สะดวก จังหวัดปทุมธานีจึงเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวทางเลือกของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันรวมไปถึงการมีโรงพยาบาล คลินิก สถานเสริมความงามที่ทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการของทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ
สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดปทุมธานี
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ แลนด์มาร์คตึกทรงลูกเต๋าที่ต้องไปเที่ยวที่ปทุมธานี ที่นี่จัดแสดงทั้งประวัติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงาน วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ภูมิปัญญาไทย การกำเนิดและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เป็นต้น ถือเป็นอีกที่เที่ยวที่ให้ความรู้ ควบคู่ไปกับความสนุกสนาน
วัดโบสถ์ เป็นวัดเก่าแก่และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดปทุมธานี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเหลือประดิษฐานอยู่ อีกทั้งยังมีรูปปั้นเหมือนของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี องค์ใหญ่ให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้ขอพร และเมื่อเร็ว ๆนี้ก็ได้สร้างพระพุทธโสธร องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ใกล้ ๆ กับหลวงพ่อโตอีกด้วย
วัดไผ่ล้อม เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศ เนื่องจากบริเวณวัดนั้นมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นร่มรื่นเป็นที่อาศัยของนกปากห่างจำนวนมาก
การเดินทางในจังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานีเป็นจังหวัดที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ ด้วยถนนหลายสายไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาด้วยรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง หรือทางรถไฟ ส่วนในตัวจังหวัดก็มีรถชนิดต่าง ๆไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยว มีรถโดยสารประจำทางทั้งรถปรับอากาศและรถไม่ปรับอากาศวิ่งอยู่ทั่วไปตามถนนเส้นหลัก รถเมล์เล็ก รถสองแถว รถสามล้อเครื่อง และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จอดอยู่ตามจุดต่าง ๆในจังหวัด เช่น หน้าสถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ตลาดสด และห้างสรรพสินค้า ค่าบริการมีทั้งแบบตกลงกันตามแต่ระยะทางและแบบเหมาจ่าย
ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานี เป็นจังหวัดที่มีความหนาแน่นของประชากรค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่หนาแน่นบริเวณอำเภอคลองหลวง และอำเภอลำลูกกา อีกทั้งยังเป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมมากมายและเป็นจังหวัดที่ใกล้เมืองหลวง ทำให้มีผู้คนเข้าออกจังหวัดปทุมธานีและอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นตลอดทั้งปี
สภาพภูมิอากาศในจังหวัดปทุมธานี
สภาพภูมิอากาศจังหวัดปทุมธานีมีลักษณะคล้าย ๆกับจังหวัดอื่น ๆ แบ่งออกได้เป็น 3ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน ฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยทั่วไปจะมีอากาศไม่หนาวจัดหรือร้อนจัดจนเกินไปและมีฝนตกต้องตามฤดูกาล
อื่น ๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดปทุมธานี ด้วยความที่เป็นจังหวัด 1ใน 5 จังหวัดปริมณฑลที่มีความเจริญใกล้เคียงกรุงเทพฯ อีกทั้งผลของการขยายของความเจริญจากตัวเมืองหลวงเข้ามาสู่ชานเมืองมากขึ้น ทำให้ปทุมธานีมีสถานพยาบาลชั้นนำ คลินิก หรือสถานเสริมความงามที่ทันสมัยครบครันไม่แพ้ที่อื่น ๆที่กลายเป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้การพิจารณาในการเข้ามาทำการรักษาอีกด้วย