Mordee

ส่วนลด โปรโมชัน และ ดีลพิเศษ ด้านทันตกรรมและความงาม

ซื้อคูปองส่วนลดเพื่อจองใช้บริการ จัดฟันสวย ฉีดโบท็อกซ์ เสริมความงาม และศัลยกรรมอื่น ๆ มากมายใกล้คุณ

Dollars sign จองกับเราไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ค้นหาจากแผนที่
บีทีแล็บ
บีทีแล็บ
บีทีแล็บ
บีทีแล็บ
บีทีแล็บ
Mordee หางดง, เชียงใหม่
4.5 จาก 5
1 รีวิว
2024 ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ฟรี Wi-fi ที่จอดรถ
         

สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ รักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ ใน เชียงใหม่

รักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ หรือ Wrinkle Treatment with stem Cells คืออะไร ?

รักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ (Wrinkle Treatment with stem Cells) หรือการทำทรีทเมนท์ชะลอวัยด้วยสเต็มเซลล์ คือการทำหัตถการชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหน้าโดยการใช้ส่วนประกอบหลักก็คือ สเต็มเซลล์ (stem Cells) นั่นเอง 

Stem Cells สำคัญแค่ไหน และมีหน้าที่อย่างไร ?  

สเต็มเซลล์ (Stem Cells) นั้นจริง ๆ แล้วคือ องค์ประกอบภายในของร่างกายของเรานั่นเอง ซึ่งลักษณะของสเต็มเซลล์มีความพิเศษที่สามารถเปลี่ยนรูปร่าง เพิ่มจำนวน และพัฒนา รวมถึงปรับเปลี่ยนเป็นเซลล์อื่น ๆ ได้ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดการฟื้นฟูร่างกาย ทำให้สเต็มเซลล์นั้นถูกนำมาใช้ในการทำทรีทเมนท์ชะลอวัย 

โดยปกติแล้วสเต็มเซลล์ของร่างกายจะอยู่ในไขกระดูก และเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาใช้งานด้วย สัญญานเตือนจากโปรตีนไซโตไคน์ในระบบภูมิคุ้มกัน 

หลังจากที่ถูกปล่อยออกมานั้นสเต็มเซลล์จะทำหน้าที่ แบ่งตัวกลายเป็นเซลล์เฉพาะ ต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ ณ ขณะนั้น เพื่อทำการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย

วิธีการทำการรักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ Wrinkle Treatment with stem Cells  

ในขั้นตอนแรกศัลยแพทย์จะต้องเก็บสเต็มเซลล์จากผู้เข้ารับการบริการ และส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดสเต็มเซลล์ ทำการบำบัดและตรวจสอบ จากนั้นก็ส่งคนให้กลับผู้เข้ารับบริการ พร้อมด้วยการบอกปัญหาหลักที่สำคัญ และตามด้วยการประเมินชนิดของสเต็มเซลล์ที่จำเป็น และเริ่มทำการฉีดเสต็มเซลล์ ซึ่งหากเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ความแม่นยำอาจมีการนำอุลตร้าซาวด์มาระบุตำแหน่งอีกด้วย 

ประโยชน์ของการรักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์ (Wrinkle Treatment with stem Cells) 

นอกจากริ้วรอยต่าง ๆ ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังมีส่วนช่วยเพิ่มพลังในร่างกาย ระบบการทำงานภายใน ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเกิดจากการพัฒนาของสเต็มเซลล์ที่ได้รับเพิ่มเข้าไปในร่างกายอีกด้วย เช่น ช่วยลดการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ข้อต่อและหลัง รวมถึงการเพิ่มภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย 

ตำแหน่งของการฉีดสเต็มเซลล์ 

ตำแหน่งของการฉีดสเต็มเซลล์ที่นิยม สำหรับการลดริ้วรอยและชะลอความอ่อนวัยนั้น แบ่งออกเป็น 2 ตำแหน่ง นั่นคือ 

1.ผิวหน้าที่ประสบปัญหาอย่างเด่นชัด

เป็นการฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง เพื่อลดริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส รวมไปถึงบริเวณใกล้เคียง เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หน้าผาก และคอ เป็นต้น 

ซึ่งต้องใช้จำนวนสเต็มเซลล์เริ่มต้นถึง 5 ล้านเซลล์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้า และการประเมินของแพทย์ 

2. หลอดเลือดดำเพื่อเป็นทางผ่านสู่ร่างกาย

การฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เพื่อทำให้ผิวพรรณกลับมากระชับ แลดูอ่อนวัย พร้อมความขาวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง เรียบเนียนทั่วเรือนร่าง 

ซึ่งต้องใช้จำนวนสเต็มเซลล์ เริ่มต้นตั้งแต่ 15 ถึง 20 ล้านเซลล์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการประเมินของแพทย์ 

การใช้สเต็มเซลล์แตกต่างกับการใช้ยาอย่างไร ?

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างการใช้ยา และการใช้สเต็มเซลล์บำบัด นั่นคือ ยา ถูกใช้อย่างจำเพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มอาการใดอาการหนึ่ง ในขณะที่สเต็มเซลล์คือ การใช้เซลล์บำบัดในศาสตร์ของเวชศาสตร์การชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ อีกทั้งยังไม่ต้องรอให้มีอาการเจ็บป่วยก่อนที่จะใช้สเต็มเซลล์อีกด้วย

การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?

โดยสรุปแล้วการรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ Stem Cells ในการซ่อมแซมฟื้นฟูผิวหน้า และผิวกายให้มีความอ่อนวัยโดย  Stem Cells ที่นิยมนำมาใช้นั้นได้มาจากหลายรูปแบบ เช่น เซลล์ของตัวเอง (autologous) เซลล์ของคนอื่น (allogeneic) หรือเซลล์ของสัตว์ (xenotherapy) เช่น  embryonic stem cell ซึ่งได้มาจากตัวอ่อนที่ได้รับการปฏิสนธิ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนอกจากความสวยงาม สเต็มเซลล์ยังถูกนำมาใช้รักาาโรคอีกหลายโรค เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ข้อเข่าเสื่อม ดรคเบาหวาน เป็นต้น

ในด้านความงามนั้นเซลล์ที่นิยมนำมาใช้นั่นคือ เซลล์ต้นกำเนิดของร่างกาย หรือ Mesenchymal Stem Cells (MSCs) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ได้มาจากไขมัน รก และไขกระดูก ซึ่งสามารถใช้เป็นเซลล์บำบัดได้อย่างกว้างขวาง

ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?

หลังจากทำการรักษาริ้วรอยด้วยสเต็มเซลล์แล้ว ผู้เข้ารับบริการจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวันได้ในทันที แต่ก็ต้องมีการดูแลเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ที่ดีเช่นกัน

การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?

หลังจากการเข้ารับ Wrinkle Treatment with stem Cells สิ่งควรปฏิบัติเพื่อรักษามีดังนี้

  • งดอาหารรสจัด หลังทำเซลล์บำบัด 14 วัน

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในปริมาณอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน 

  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ หลังได้รับสเต็มเซลล์

  • งดการออกกำลังกายที่หักโหมมากเกินไป

มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?

โดยส่วนใหญ่แล้วหลังจากได้รับสเต็มเซลล์ก็จะสามารถเห็นผลได้ภายในทันที โดยจะค่อย ๆ สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 2 ถึง 3 วันแรก และสามารถเห็นผลชัดเจนได้ภายใน 1 ถึง 2 เดือน ซึ่งผลการรักาาจะเห็นชัดเพียงใดขึ้นอยุ่กับแต่ละบุคคล และควรรับบริการทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดเชียงใหม่

เชียงใหม่ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในทางภาคเหนือ มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความหลากหลายของชนเผ่าชาวเขาต่าง ๆควบคู่ไปกับทิวทิศน์ที่งดงาม ทำให้เชียงใหม่เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวในเอเชียที่น่าสนใจที่สุด
นอกจากนี้เชียงใหม่ ยังเป็นศูนย์กลางการเดินทางของภาคเหนือไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศ หรือต่างประเทศ จึงทำให้มีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการลงทุน จนเป็นเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในทางภาคเหนือ รองจากกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงยังมีโรงพยาบาล หรือคลินิกต่าง ๆมากมายที่พร้อมจะรองรับนักท่องเที่ยวหรือ บุคคลที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวเชิงการแพทย์อีกด้วย เช่น โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม, คลินิกทันตกรรมเฉพาะทาง เดนทอลเวิร์ล, ศรินยา คลินิก เป็นต้น 

สถานที่ยอดนิยมในจังหวัดเชียงใหม่

วัดพระธาตุดอยสุเทพ ถือว่าเป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่มาตั้งแต่โบราณ ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ ซึ่งต้องแวะไปสักการะให้ได้เมื่อมาเยือนเชียงใหม่
ประตูท่าแพ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเชียงใหม่ บริเวณประตูท่าแพจะเห็นแนวกำแพงเมืองเก่าซึ่งสร้างด้วยอิฐ มีความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ บริเวณประตูท่าแพมีลานกว้างซึ่งใช้จัดงานเทศกาลต่าง ๆ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของ ถนนคนเดินท่าแพ ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆวันอาทิตย์อีกด้วย
วัดอุโมงค์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองชาวเชียงใหม่มานาน มีเอกลักษณ์สำคัญก็คือ อุโมงค์ ตามชื่อ ที่เป็นทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้เดินเข้าไปไหว้พระขอพร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีกด้วย 

การเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังเชียงใหม่ได้โดยเครื่องบิน รถไฟ หรือรถโดยสารประจำทาง  และการเดินทางในตัวเมืองเชียงใหม่เองก็สะดวกสบายแม้ไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะบริเวณรอบ ๆ สนามบิน สถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งเชียงใหม่ จะมีรถสองแถวสีแดง ที่ชาวเชียงใหม่เรียกว่า “รถแดง”คอยให้บริการ หรือแม้กระทั่ง รถตุ๊กตุ๊ก รถแทกซี่ เป็นต้น

ประชากรหรือผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่

เชียงใหม่ มีประชากรที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ไม่น้อยกว่าที่อื่น โดยมีชาว ไทยวน หรือคนเมือง คือกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือของประเทศไทย มีภาษาและวัฒนธรรมที่เป็นของตัวเอง เชียงใหม่จะมีความเป็นสังคมเมืองล้านนา โดยจะใช้ภาษาเมืองในการพูดสื่อสาร ชาวเชียงใหม่ส่วนใหญ่ มีอาชีพทางเกษตรกรรมทำนา ทำไร่ ทำสวน อาชีพใหญ่อันดับที่สองรองลงมาคือการท่องเที่ยว ทั้งงานที่เกี่ยวข้องโดย ตรงและทางอ้อม การพณิชย์และอุตสาหกรรมทั่วไปส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของหัตถกรรม งานฝีมือและการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร เป็นสองอาชีพหลักคนเชียงใหม่ในปัจจุบันนี้

สภาพภูมิอากาศในจังหวัดเชียงใหม่

เนื่องจากเชียงใหม่มีลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและพื้นที่ราบลุ่มน้ำและที่ราบเชิงเขาโดยพื้นที่ภูเขา ทำให้มีอากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดทั้งปี

อื่นๆ

ภาษา นอกจากมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการแล้ว เชียงใหม่ยังมีภาษาท้องถิ่นซึ่งเรียกว่า ภาษาคำเมือง ซึ่งแต่ละถิ่นก็ยังมีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย