สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ สักขอบตา ใน กรุงเทพมหานคร
สักขอบตา คือ การสักบริเวณขอบตาบนและล่าง โดยการใช้สีที่ใช้ในทางการแพทย์และเครื่องสำอาง ที่ไม่ก่อปฏิกิริยากับร่างกาย และไม่ก่อมะเร็ง ทั้งนี้ มีการพบปฏิกิริยาแพ้น้อยมาก เป็นการสักเพื่อทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น ขอบตาเข้มคมชัดขึ้น และดูเรียวยาวมากขึ้น คล้าย ๆ กับการกรีดอายไลน์เนอร์ ซึ่ง การสักขอบตา สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ การสักแบบอินเนอร์ (Inner) เป็นการสักตามแนวเส้นขน และอายไลเนอร์ (Eyeliner) การสักบริเวณเปลือกตา
โดยที่การสักประเภทอายไลน์เนอร์ ก็มีรูปแบบให้เลือกหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สักแบบมีหาง ตวัดหาง ชั้นใหญ่ และเส้นบาง ขึ้นอยู่กับความต้องการ และความเหมาะสมของผู้เข้ารับบริการ นอกจากนี้ ยังมีการไล่สีเหมือนการแรเงาคล้ายกับการแต่งสีตาด้วยอายแชโดว์อีกด้วย
ผู้ที่เหมาะกับการสักขอบตา
-
ผู้ที่ไม่สามารถเขียนขอบตาได้ เขียนไม่เป็น หรือมีปัญหาในการเขียนขอบตา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสายตา หรือมีอาการมือสั่น
-
ผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาแต่งหน้า รีบออกไปทำงาน ไปทำธุระ
-
คนที่แพ้มาสคาร่า แพ้ดินสอเขียนขอบตา มีอาการคันตา น้ำตาไหล และเคืองตา หลังจากการใช้
-
คนที่มีขนตาบาง ชั้นตาเล็ก และอยากให้ดวงตาแลดูกลมโตขึ้น มีขนตาที่แลดูหนาขึ้น และแววตาที่ดูคมขึ้น
ในการเลือกทำสักขอบตา แนะนำให้เลือกทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ ใช้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงห้องที่ทำหัตถการสักขอบตาที่ผ่านการฆ่าเชื้อ และมีมาตรฐาน รวมถึงเข็มที่ใช้ในการสัก ต้องเป็นเข็มที่ใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง
การเตรียมตัวก่อนสักขอบตา
-
เลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ ทั้งก่อทำการสัก ประมาณ 2 สัปดาห์
-
ไม่ควรขับรถเอง ทางที่ดี ควรจะพาเพื่อนมาด้วย เพื่อช่วยดูแลหลังการทำ และพากลับบ้าน
-
พกพาแว่นกันแดดมาด้วย เนื่องจากอาจมีอาการเคืองตา และมีอาการบวมหลังทำการสักได้บ้างเล็กน้อย
การรักษาพยาบาล/ศัลยกรรมนี้เกี่ยวเนื่องกับอะไรบ้าง?
เริ่มจากการปรึกษา และวางแผนการทำ หาผลลัพธ์ร่วมกัน ระหว่างผู้ให้บริการ และผู้เข้ารับบริการ ให้เหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์ในการทำ เพื่อให้การสักออกมาดูมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
เมื่อทราบถึงจุดประสงค์ดังกล่าวแล้ว แพทย์จะทำการออกแบบโครงร่าง ให้ผู้เข้ารับบริการตัดสินใจจนกว่าจะพอใจ จากนั้นจะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ ก่อนที่จะทำการสักขอบตาตามโครงร่างที่ได้ตกลงด้วยกันไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งการสักขอบตา จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ระยะเวลาพักฟื้นนานแค่ไหน?
หลังจากที่ทำการสักขอบตาเสร็จ ผู้เข้ารับบริการสามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย และสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ในบางกรณี อาจมีอาการเคืองตา แสบตา และบวมเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้ จะดีขึ้นและสามารถหายได้เอง สามารถปฏิบัติได้ตามที่ผู้ให้บริการแนะนำ นอกจากนี้ควรงดออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังงานมาก ๆ อย่างน้อย 3 วัน
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา/ศัลยกรรม?
1. งดการใช้สบู่ คลีนเซอร์ และเครื่องสำอาง ประมาณ 2 - 3 วัน
2. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด และการอาบน้ำร้อน อบซาวน่า อย่างน้อย 3 วัน รวมถึงควรใส่แว่นกันแดด ถ้าต้องออกไปในบริเวณที่มีแดดจัด
3. ห้ามลงสระว่ายน้ำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากคลอรีนในสระจะทำให้สีที่สักไว้จางลงได้
4. ห้ามดัดขนตาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
5. หากบริเวณที่ทำการสักมีสะเก็ดขึ้น ห้ามแกะ หรือลอกออกเด็ดขาด
6. ให้หมั่นรักษาความชุ่มชื่นบริเวณที่ทำการสัก โดยการทายาตามที่ผู้ให้บริการแนะนำ จนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออกหมด โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
7. งดใช้มาสคาร่าประมาณ 2 สัปดาห์ และเมื่อจะเริ่มใช้มาสคาร่าให้ใช้หลอดที่เพิ่งเปิดใหม่เท่านั้น
8. งดใส่คอนแทคเลนส์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นสามารถใส่ได้ตามปกติ
9. ไม่ควรขับรถเองหลังการสักขอบตาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง และให้ประคบบริเวณที่ทำด้วย Ice Pack หรือ ผ้าห่อน้ำแข็งบ่อยๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม
10. ถ้ามีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวด Paracetamol ได้ ห้ามทานยา Aspirin
มีอัตราความสำเร็จมากแค่ไหน?
เนื่องจากชั้นตาเป็นผิวหนังที่บาง จึงทำให้ปริมาณสีที่ใส่ได้นั้นไม่เยอะ และความยาวนานของผลลัพธ์ในการ สักขอบตา จึงขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองของแต่ละคนด้วย อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปการติดทนของสีหลังจากสักขอบตาจะอยู่ได้ประมาณ 2 - 3 ปี
เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยมากที่สุด คือการ สักขอบตา กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหา สีไม่ติด สีไหล และผิวหนังเกิดความระคายเคืองอักเสบได้ นอกจากนี้ อาจเกิดผลแทรกซ้อนที่อันตราย ที่จะเกิดการติดเชื้อภายในลูกตาได้นั่นเอง
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกรุงเทพมหานคร
คงเป็นที่ทราบกันดีว่ากรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับ ประชาคมอาเซียน จุดเด่นของกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีศาสนสถานที่สวยงาม, อาหารริมทาง หรือ street food, การคมนาคมที่สะดวกสบาย, ห้างสรรพสินค้า, ตลาด รวมถึงยังมีสถานพยาบาลชั้นนำต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐ, คลินิก, และโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล JCI (Joint Commission International Accreditation) ทำให้กรุงเทพฯนอกจากจะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นที่สุด เป็นจังหวัดที่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด ยังมีแนวโน้มในการขยายตัวกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย ซึ่งโรงพยาบาลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คือ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลกมล เป็นต้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางมาทำศัลยกรรมความงามเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
สถานที่ยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่รู้จักกันในนาม วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พร้อม ๆ กับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ ในเขตพระบรมมหาราชวัง หากใครได้มาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ตามจะต้องแวะไปกราบ พระแก้วมรกต สักครั้งเพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดแจ้ง เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา พระปรางค์วัดอรุณฯ นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันทั่วโลก เพราะฉะนั้นถ้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็คงต้องแวะมาชมความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณฯ เช่นเดียวกัน
เยาวราช นับเป็นอีกย่านที่น่าเที่ยว เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว ยังจัดว่าเป็นย่านธุรกิจ และคึกคักตลอดทั้งวัน ในปัจจุบันคนจะนิยมมาเที่ยวเยาวราชกันช่วงกลางคืน เพราะจะมีสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากมายที่น่าไปลิ้มลองชิมดูสักครั้ง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสถานที่อื่น ๆที่เป็นที่นิยมที่ไม่ควรพลาด เช่น สยามสแควร์, ถนนข้าวสาร, ตลาดนัดจตุจักร, เอเชียทีค เป็นต้น
การเดินทางในกรุงเทพมหานคร
การคมนาคมในกรุงเทพฯ ถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ ทางน้ำ และยังมีระบบขนส่งสาธรารณะที่ได้มาตรฐานและทันสมัย การเดินทางและการท่องเที่ยวจึงทำได้ง่ายแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เช่น รถแท็กซี่ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน และ เรือโดยสาร เป็นต้น
ประชากรหรือผู้คนในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศไทย มีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงาน รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้คนกรุงเทพฯอาจมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบมากกว่าส่วนอื่นในประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศในกรุงเทพมหานคร
กรุงเทพฯ มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยอยู่ภายใต้ อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ มีอากาศร้อนทั้งปีและยังมีอุณหภูมิที่หลากหลายอีกด้วย มี 3 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ได้แก่ ฤดูร้อนจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน, ฤดูฝน จะอยู่ในช่วงราว ๆ กรกฎาคมจนถึงตุลาคม และช่วงที่มีอากาศเย็นจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม
อื่นๆ
การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีความเจริญก้าวหน้าในเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้น จึงมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานระดับโลก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มากมาย ที่จบมาจากต่างประเทศ มีประการณ์ที่ยาวนาน ทำให้มีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนในประเทศไทยเองเดินทางเข้ามาทำการรักษา หรือทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลและคลีนิคต่างๆในกรุงเทพฯ เป็นอย่างมากนั่นเอง